Author

iloveaday

Browsing
สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟมีข่าวดีสำหรับคนผิวแห้งถึงแห้งมาก ต้องบอกก่อนว่าดีใจมว๊ากกก
เพราะตอนนี้ CeraVe มีขายที่ไทยแล้ว สมัยก่อนถ้าจะซื้อต้องพรีออเดอร์หรือฝากเพื่อนหิ้วมาจากอเมริกา
ซึ่งราคาก็ไม่ถูกเลย พอเห็นว่าทางพันทิปมีกิจกรรมดีๆ กับทาง CeraVe อ๊อฟเลยเข้าร่วมอย่างไม่ลังเล
เพราะจะได้บอกกับคนที่มีปัญหาผิวแห้งถึงผิวแห้งมากหรือผิวอ่อนแอ
ผิวเซนซิทีฟง่ายเหมือนอ๊อฟได้รู้จักแบรนด์ดีๆ ไว้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลผิว
CeraVe เป็นแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาโดยแพทย์ผิวหนังชั้นนำของอเมริกา
ซึ่งเน้นในเรื่องการบำรุงและเสริมความแข็งแรงรวมไปถึงการปกป้องผิว
ด้วยส่วนผสมของเซราไมด์สำคัญถึง 3 ชนิด และไขมันจำเป็นอื่นๆ
ควบคู่ไปกับเทคโนโลยี MVE ซึ่ง MVE หรือ Multivesicular emulsion เป็นเทคโนโลยีที่ทางแบรนด์เลือกใช้
ในการนำส่งสารบำรุงเข้าสู่ผิวลักษณะจะเป็นรูปทรงกลมเป็นชั้นๆ ตามภาพ เวลาลงผิวก็จะค่อยๆ แตกตัว
และปล่อยสารบำรุงออกมาทีละชั้นอย่างช้าๆ นานๆทำให้สารเพิ่มความชุ่มชื้นต่างๆ อยู่ในผิว
ของเราได้ยาวนานมากขึ้น
ข้อดีอย่างหนึ่งของ CeraVe คือการใช้ Ceramide ทั้ง 3 ชนิด คือ Ceramide 1, Ceramide 3
และ Ceramide 6-II ในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อเป็นเสริมการฟื้นฟู Barrier ผิวของเราได้อย่างลงตัว
และผลิตภัณฑ์ที่อ๊อฟคิดว่าเป็นตัวเด็ดตัวดังของแบรนด์ CeraVe เลยก็คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มมอยเจอไรซ์เซอร์
เนื้อครีมและเนื้อโลชั่นที่สามารถทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายในราคาที่เราสามารถจับต้องได้
นั่นก็คือ CeraVe Moisturising Lotion For Dry to Very Dry Skin
ที่วันนี้อ๊อฟจะมารีวิวอย่างละเอียดให้เพื่อนๆ ได้ดูกันค่ะ
CeraVe Moisturising Lotion For Dry to Very Dry Skin เป็นตัว Moisturizing lotion
ที่มาในรูปแบบเนื้อโลชั่นมี 2 ขนาด คือ ขนาดเล็ก 88 ml และขนาดใหญ่ 473 ml  ซึ่งวันนี้ที่อ๊อฟจะมารีวิว
คือขนาดเล็ก 88 ml ค่ะ ลักษณะเนื้อโลชั่นเป็นสีขาว ซึ่งอ๊อฟจะบอกว่ามันเหมาะกับสภาพอากาศ
ของบ้านเรามากเพราะทาแล้วมันไม่เหนียวเหนอะหนะผิวเลย
เป็นเนื้อโลชั่นที่มีความเข้มข้นแต่เนื้อบางเบา ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ
ให้กับผิวเวลาทาจะไม่รู้สึกลื่นหรือเหนียวเหนอะหนะผิวเลยแม้แต่น้อย
สามารถที่จะเคลือบและเก็บกักความชุ่มชื้นได้ยาวนาน
เป็นเหมือน Barrier อยู่บนผิว ไม่ถูกล้างออกไปโดยง่ายเมื่อโดนน้ำ
ก่อนที่จะไปดูผลลัพธ์ อ๊อฟอยากให้เห็นถึงสภาพผิวของอ๊อฟก่อน เห็นแล้วอย่าเพิ่งตกใจกันน้าาา
ต้องบอกก่อนเลยว่า อ๊อฟเป็นคนที่ผิวแห้งถึงแห้งมากที่สุดโดยเฉพาะบริเวณขา
เรียกได้ว่าแห้งแตกเป็นเกล็ดเป็นขุยเลย ไม่ว่าจะทาโลชั่นหรือทาออยล์ตัวไหนก็เอาไม่อยู่
ยิ่งถ้าหน้าหนาวไม่ต้องพูดถึงแตกจนเลือดออกซิบๆ เลย แถมที่นอนยังเต็มไปด้วยขุยขาวเลอะเทอะไปหมด T.T
ซึ่งวิธีการใช้โลชั่นก็ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ ใช้ทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ส่วนตัวอ๊อฟเป็นคนที่ผิวบริเวณขาแห้งมาก
ดังนั้นอ๊อฟจะเน้นช่วงขามากกว่าส่วนอื่นค่ะ ซึ่งปริมาณการทาก็ปกติเลย ไม่ได้ต้องใช้เยอะมากกว่าเดิม
เพราะโลชั่นเค้ามีความเข้มข้นและประสิทธิภาพในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างยาวนาน
หลังจากที่อ๊อฟได้ใช้ CeraVe Moisturising Lotion จะเห็นได้ว่าผิวแห้งแตกและเป็นขุยหายไปแล้ว
หลังจากที่ทาโลชั่นเข้าไปผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย ซึ่งปกติเวลาอ๊อฟทาโลชั่นสักพัก
ผ่านไป 2-3 ชม. ต้องกลับมาทาซ้ำเพราะผิวจะกลับมาแห้งและแตกเหมือนเดิม แต่ CeraVe Moisturising Lotion
ไม่ต้องกลับมาทาซ้ำเลย หลังผ่านไป 24 ชม. ผิวยังคงชุ่มชื้นอยู่ ลูบไปก็ไม่มีขุยขาวๆ
ซึ่งอ๊อฟใช้โลชั่นตัวนี้เดี่ยวๆ เลย ไม่ได้ทาออยล์หรือทาครีมตัวอื่นเพิ่ม
คราวนี้มาดูกันว่าใช้ CeraVe Moisturising Lotion ต่อเนื่อง 1 อาทิตย์แล้วเป็นยังไงบ้าง
ฮือออออ….จะบอกว่าผิวดีขึ้นจากครั้งแรกมากเลย ทาไปแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น ผิวก็เนียนเรียบขึ้น ชุ่มชื่นมากขึ้น
ไม่แห้งแตกและเป็นขุยเหมือนแต่ก่อนแล้วดีต่อใจสำหรับคนผิวแห้งถึงแห้งมากที่สุดอย่างอ๊อฟมากจริงๆ
สรุปก่อนใช้และหลังใช้ CeraVe Moisturising Lotion จะบอกว่าอ๊อฟประทับใจมาก
จากที่เคยใส่แต่กางเกง กระโปรงขายาวเพราะอายที่ขาแห้งแตกเป็นขุย ตอนนี้พอได้มาใช้เซราวีทำให้อ๊อฟมั่นใจ
ที่กล้าโชว์และเผยผิวมากขึ้นกว่าเดิมมากเพราะใช้แล้วผิวชุ่มชื่นขึ้นกว่าเก่ามาก ยิ่งใช้เป็นประจำทำให้เห็นชัดเลย
ว่าผิวแข็งแรงขึ้น เรียกได้ว่าชุ่มชื้นยาวนานถึง 24 ชม. จริงๆที่สำคัญนอกจากจะทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
แล้วเหตุผลหลักที่อ๊อฟคิดว่ามีผลต่อการตัดสินใจอีกอย่างก็คือเนื้อโลชั่นสัมผัสดีงามมากกกก
ไม่เหนียวเหนอะหนะและอ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับสภาพอากาศร้อนๆ อย่างบ้านเรามาก
สุดท้ายท้ายสุด สำหรับใครที่มองหาสกินแคร์คุณภาพดี ราคาน่ารัก อ๊อฟอยากฝาก CeraVe ไว้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์
อยากให้ลองใช้กัน ลองไซส์เล็กแล้วจะติดใจอยากวิ่งไปซื้อไซส์ใหญ่ สำหรับเพื่อนๆ ที่ผิวแห้งเหมือนอ๊อฟ
บอกเลยว่าตัวนี้มันเวิร์คมาก ซื้อไปไม่เสียดายสะตุ้งสตางค์แน่นอน
หาซื้อได้ที่ Watsons, Boots, Eveandboy, Beautrium, ร้านขายยา
และโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป ช้อปออนไลน์ทาง @Lazada ก็มีน้าาาา
มาทันเวลาแบบฉิวเฉียดเฉียดฉิวพอดี เห็นสีแดงๆ แบบนี้จะเป็นเทศกาลอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ตรุษจีน” นั่นเอง
และแน่นอนว่าตรุษจีนปีนี้หรือปีไหนๆ ก็หนีไม่พ้นลิปสติกสีแดง แต่ลิปสติกสีแดงไม่ได้มีกันแค่เฉดเดียวเนอะ
มันมีมากมายหลายเฉด ประมาณ 20 เฉดสีเลยทีเดียว
วันนี้อ๊อฟเลยรวบรวมเอาลิปสติกสีแดงที่แตกต่างกันหลายๆ เฉด ที่คิดว่าใกล้เคียงกับชาร์ตมาสวอชให้ดู
แต่ก่อนที่จะไปดูสวอชลิปสติกทั้งหมดนี้อ๊อฟเลือกและคัดมาแล้วว่ามันดี มันโอเค แต่ไม่ได้เรียงลำดับ
จากความชอบนะคะ โดยทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอ๊อฟทั้งหมดน้าาา
ถ้าสวอชแล้วสีไม่ตรงสีเพี๊ยนยังไงต้องกราบขออภัยมา ณ กระทู้นี้ด้วยค่ะ
อ๊อฟพยายามจัดแสงปรับค่าเควินให้ตรงกับที่ตาเราเห็น
จากแท่งลิปสติกที่สุด ดังนั้นพร้อมแล้ว ไปดูกันเล๊ยยยยย
NYX  SOFT MATTE LIP SMLC01 สี Amsterdam ราคา 250 บาท
ลิปสติกสีแดงเจือส้มเนื้อแมทท์ เนื้อครีมนุ่มกลิ่นหอมเหมือนขนม ทาแล้วไม่แห้งด้าน
ติดทนนานพอสมควร เนื้อลิปเนียนนุ่ม เกลี่ยง่ายมว๊ากกกก เม็ดสีแน่นสุดๆ กลบสีปากได้ 100 %
Bisous Bisous LOVE YOU CHERIE CRD07 – Lustrous ราคา 595 บาท
เป็นลิปสติกเนื้อครีมสีแดงเจือสีน้ำตาลหน่อยๆ เม็ดสีชัดมากทาเพียงรอบเดียวก็สามารถกลบริมฝีปากได้เลย
ตัวนี้พอทาออกมาแล้วไม่แมทท์ออกจะครีมมี่มากกว่าติดทนในระดับนึง
กินอะไรก็มีหลุดบ้างแต่เติมแล้วไม่เป็นคราบ
THE BALM Meet Matt(e) Hughes สี Adoring ราคา 950 บาท
เป็นลิปลิขวิดเนื้อแมทท์ที่เนื้อดีทาแล้วสวยมาก เป็นสีแดงเข้มอมน้ำตาล มีกลิ่นมินท์ทาแล้วเย็นๆ
หัวแปรงของลิปคือดีมากกก เวลาทาจะบิดรับกับรูปริมฝีปากของเราได้ดีกว่าแปรงที่หัวแข็งๆ
ทำให้ทาลิปง่ายกว่าแปรงทั่วๆไป ติดทนนานมาก ทาแล้วไม่หนักริมฝีปาก
L’OREAL Rouge Magique สี 901 THE FORT ราคา 349 บาท
ลิปสติกเนื้อ Comfort Matte สี 901 Thé Fort สีน้ำตาลดาร์คฮอตช๊อคโกแลต สีสวย เม็ดสีชัดเจนดี
เนื้อลิปสติกนุ่มทาออกมาแล้วไม่แมทท์มาก มีความชุ่มฉ่ำและวาวๆอยู่ แต่ติดไม่ค่อยทนเท่าไหร่
WET N WIDE-MEGA LAST LIP สี Red Velvet 139 บาท
ลิปสติกในตำนานเชื่อว่าสาวๆ ต้องมียี่ห้อนี้ติดกระเป๋ากันแทบจะทุกคน
สีนี้จะแดงอมชมพูนิดๆราคา ทาแล้วกลบสีปากได้ดี เนื้อลิปสติกทาง่าย ติดทนนานมากกกกก
Mamonde Creamy Tint Squeeze Lip สี No.3 Chic red ราคา 450 บาท
ลิขวิดลิปสติกในรูปแบบทรงแท่งหลอดบีบเป็นลิปสติกเนื้อแมทท์กึ่งกำมะหยี่
เป็นแดงอมส้มๆ ที่สวยมาก เนื้อไม่แห้งแบบรุ่นเก่าๆ ติดทนกลางๆ มีกลิ่นกุหลาบ
เม็ดสีแน่นมาก จะทาเต็มๆ ริมฝีปากหรือใช้นิ้วเกลี่ยให้ขอบปากเบลอๆ ก็สวย
YSL TATOUAGE COUTOUR MATTE STAIN #1 ราคา 1,550 บาท
เป็นลิปจิ้มจุ่มที่หรูหรามาก เนื้อลิปคือดีงามทาง่าย เป็นเนื้อบางๆ จะทาแบบเบาๆ หรือบิ๊วท์ให้สีแน่นขึ้นก็ได้
เพียงแค่ทาซ้ำหลายๆ รอบ หัวแปรงทรงพิเศษทารับกับขอบปากได้ดีเว่อร์ เป็นลิปจิ้มจุ่มที่ไม่ได้เนื้อหนาหนักปาก
อารมณ์จะคล้ายทิ้นท์แต่หนากว่า นางคือ lip stain ที่ทาแล้วผู้ดี๊…ผู้ดี
Dior Rouge Dior #999 ราคา 1,400 บาท
เป็นลิปสติกสีแดงคูลโทนที่สวยมากอีกหนึ่งสี เนื้อลิปมีความฉ่ำหน่อยๆ เนื้อลิปเนียนนุ่มเกลี่ยง่ายมาก
ทาแล้วสวยไม่หนักปาก กลบสีปากมิด ชอบในความชุ่มชื่นของ Lip Dior ไม่ทำให้ปากแห้ง
ไม่เป็นคราบไม่ตกร่อง แต่สีอาจจะติดไม่ค่อยทนเท่าไหร่
MAC MATTE CARMINE ROUGE #A96 ราคา 880 บาท
ลิปสติกทรงกระสุนสุดคลาสสิค เป็นเนื้อแมทท์ที่มีความแดงอมชมพูที่ทาแล้วไม่แมทท์แห้ง
มีความเบาสบายปากอยู่ เม็ดสีค่อนข้างชัดทาออกมาก็ได้สีตามแท่งเลย
ไม่เป็นคราบไม่ตกร่อง และติดทนนานพอสมควร
L’OREAL สี R514 PEARLY RUBIE FOLLIE ราคา 200 บาท
ตัวนี้เป็นลิปสติกเนื้อ Matte ทีชุ่มชื้นมาก…ชุ่มชื้นมากจริงๆเม็ดสีแน่น สีชัดมาก
ปาดครั้งเดียวสามารถกลบสีริมฝีปากจริงของเราได้เลย
เนื้อลิปสติกเนียนนุ่มเกลี่ยง่าย ทาแล้วทำให้ปากเราดูฉ่ำและอวบอิ่มขึ้น
Lancome Juicy Shaker CHERRY STMPHONY #151 ราคา 990 บาท
ลิปสติกรุ่นนี้ของลังโคมเค้าเป็นลิปสติกสูตรน้ำที่ผสมระหว่างเม็ดสีและออยล์บำรุงริมฝีปาก
เอกลักษณ์ของลิปรุ่นนี้คือต้องเขย่าก่อนทา อารมณ์จะออกมาเป็นกลอสเลย แต่เป็นกลอสที่ทาแล้วสวยมาก
มีความฉ่ำและสามารถไล่ระดับเลเยอร์ในการทาได้
COSLUXE CURVE LIPSTICK สี #TAYLOR RED ราคา 299 บาท
ลิปสติกแบรนด์ไทยถูกและดีต้องยกให้ Cosluxe ความพิเศษของลิปสติกตัวนี้จะมีหัวตัดเป็น curve เข้าทรง
พอดีกับรูปปากทำให้ทาได้ง่าย เนื้อลิปสติกสีชัดมากสามารถกลบสีปากเดิมของเราได้มิดเลย
และไม่ได้เป็นลิปสติกเนื้อแมทท์ที่แห้งจนเกินไปแต่ก็ไม่ใช่เนื้อมอยส์ที่ชุ่มฉ่ำจนเกินเหตุ
ที่สำคัญมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย ติดทนนานพอสมควร
MILLE LITTLE PONY WONDERFUL LIP COLOR #RARITY 06 ราคา 495 บาท
ลิปสติกเนื้อซาตินจากมิลเล่มาในแพคเกจน่าย๊ากกก มีความ little pony เป็นลิปสติกสีแดงที่ออกไปทางสีอิฐ
เม็ดสีค่อนข้างแน่น ปิดร่องปากสนิท ทาแล้วไม่หนึบปากทาซ้ำก็ไม่เป็นคราบและไม่แห้งเป็นขุย
ที่สำคัญติดทนนานอีกด้วย
CLINIQUE chubby plump & shine 02 super scaret ราคา 800 บาท
เป็นลิปกลอสแบบหมุนที่ทาออกมาแล้วสวยฉ่ำมาก เป็นสีแดงระเรื่อๆ ทาแล้วริมฝีปากดูอวบอิ่ม
เหมาะกับใช้ระหว่างวันได้ปากแบบอิ่มๆ สุขภาพดี
NYX Mat Rouge a Levres MLS10 #PERFECT RED ROUGE PARFAIT ราคา 220 บาท
เป็นลิปสติกสีแดงสดที่เม็ดสีแน่นชัดมากกก ทาออกมาแล้วฟันขาว ฟินิชลุคออกมาไม่แมทท์มาก
เนื้อลิปสติกเนียนนุ่มทาค่อนข้างง่าย ติดทนนานมากกกก มีสักแท่งจะติดใจ
Dior Addict LACOUER STICK 757 AMERICAN GIRL ราคา 1,450 บาท
เป็นลิปรุ่นยอดฮิตของ Dior ที่มีความพิเศษคือเป็นเหมือนแลคเกอร์ทาออกมาแล้วเงาๆ ฉ่ำๆ
เป็นสีแดงที่ทาออกมาแล้วสวยมากกกทาแล้วเด่นสุด เป็นลิปที่มีลักษณะคล้ายลิควิดแต่ไม่เยิ้ม
เนื้อจะออกมันวาวเป็นประกายชายนี่ ทาแล้วให้ความรู้สึกฉ่ำๆ ระเรื่อๆ เม็ดสีค่อนข้างแน่น
Giorgio Armani Lip Maestro #405 ราคา 1,400 บาท
เป็นลิปจิ้มจุ่มเนื้อกำมะหยี่ สีแดงอมส้มด้วยเนื้อลิปสติกฟีลแบบกำมะหยี่ออกจะครีมมี่ด้วยซ้ำ
เลยทำให้สบาย ทาแล้วไม่หนักปากแถมจุ่มเพียงครั้งเดียวก็ทาได้ทั่วปาก สีแน่นติดทนระดับนึง
Dior Rouge Dior LIQUID 999 MATTE ราคา 1,450 บาท
Liquid Rock Matte สีแมตต์ 999 Matte คือเฉดสี It-Shade เป็นลิปสติกสีแดงที่แดงจริงๆ
เนื้อครีมข้นหลังทาแล้วให้ลุคฟินิชแมทท์แต่ทาแล้วไม่หนักปากเนื้อสีเด่นชัด กลบสีปากมิด
จะทาแบบเกลี่ยๆ ก็สวยหรือจะทาแบบ full lip ก็สวยเหมือนกัน
GIRLACTIK BEAUTY Matte Lip Paint สี Iconic ราคา 850 บาท
เป็นลิปจิ้มจุ่มสีแดงสดอมส้มเพียงเล็กน้อย แต่ทาแล้วขับผิวมาก เนื้อลิปดีงามมากกก
เม็ดสีแน่นทาออกมาแล้วแมทพอสมควรแต่ทาแล้วไม่แห้งแคร๊ก ไม่ตกร่องหรือเป็นคราบเลย
4U2 Love me HARDER LMH 12 KISS THE RED ราคา 199 บาท
เป็นลิควิดลิปสติกสีแดงแบบว่าแดงเข้มๆ ที่มาออกมาแล้วสวยมากอีกสีนึงตัวนี้ของ 4U2 เนื้อคือดีมาก
ดีกว่ารุ่นก่อนๆ เยอะเลย ทาแล้วได้สีเนียนสนิทไปกับปาก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เนื้อแมทท์แต่ไม่แห้งมาก
ทาแล้วเบาสบายปาก ไม่แตกไม่ตกร่อง เม้มปากก็ไม่เหนียว
สวัสดีค่ะ หลังจาก Blog ที่แล้วที่อ๊อฟเพิ่งรีวิวตัว Cetaphil Gentle Skin
Cleanser ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
ก็มีคนถามเข้ามาเยอะมากว่า แล้วรีวิวสำหรับคนผิวมันบ้างล่ะ คนเป็นสิวล่ะ
ไม่มีบ้างหรอ วันนี้อ๊อฟเลยจัดรีวิว Cetaphil Oily Skin
Cleanser สิ่งจำเป็นสำหรับผิวมันและบอบบางแพ้ง่ายมาให้ตามคำขอค่ะ
Cetaphil Oily Skin Cleanser คลีนเซอร์สำหรับคนผิวมัน
เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสำหรับผู้ที่มีผิวมัน
หรือผิวที่เกิดสิวง่าย ตัวนี้เค้าช่วยขจัดความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกและสิ่งที่
ไม่จำเป็นบนใบหน้าได้อย่างอ่อนโยน คงเหลือแต่สิ่งที่จำเป็นสำหรับผิวจริงๆ
ทั้งยังผ่านการวิจัยมาแล้วว่าช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า
ได้จริงถึง 54% (Chris T. McAllister, et. al., Clinical Assessment of a
Cleanser for Moderately Oily Acne-Prone Skin, 1997) 
อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสของการเกิดสิวได้อีกด้วยค่ะ
ตัวเนื้อคลีนเซอร์เป็นเจลใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีน้ำหอมและส่วนผสม
ของแอลกอฮอลล์แถมยังมาพร้อมกับค่า pH 5.5 มีความเป็นกรดอ่อนๆ
ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
คลีนเซอร์ขวดนี้สามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวได้  ดังนั้นใครที่ใช้พวกเจล
แต้มสิวหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เป็นสิวตัวนี้ใช้ร่วมกันได้แน่นอนค่า
ด้วยนวัตกรรมสูตร Gentle Foaming Action ช่วยลดความมันส่วนเกิน
สิ่งสกปรกและคราบเครื่องสำอางบนใบหน้าได้อย่างล้ำลึก
อ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวเพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่า
แม้แต่คนผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ยังใช้ได้ ปลอดภัยหายห่วงค่ะ
ที่สำคัญตัวนี้เค้ามีมอยเจอร์ไรเซอร์ Glycerin และ Panthenol (วิตามิน B5)
ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำไว้ที่ผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง
หลังจากที่เราล้างหน้าเสร็จ พอเราล้างหน้าเสร็จแล้วยังนุ่มชุ่มชื้น
จะทำให้หน้าไม่กลับมามันแล้วมันอีก ตัดวงจรหน้ามันซ้ำซากค่ะ
หลังจากหลังหน้าเสร็จรู้สึกได้เลยว่า
“ผิวสะอาดและเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
ลูบไปแล้วไม่ดังเอี๊ยดหรือรู้สึกตึงที่ผิวหน้า “
สำหรับใครที่เป็นสิวอุดตัน สิวผด สิวอักเสบสามารถใช้ตัวนี้ได้
ไม่ต้องกลัวแพ้เลยค่ะ
สามารถหาซื้อ Cetaphil Oily Skin Cleanser ขนาด 125 ml.
ได้ที่ Watsons / Boots / Eveandboy
และร้านขายยาชั้นนำทั่วไป ในราคาราคา 500 บาทค่ะ
และยังมีขนาดจิ๋ว 29 ml. หาซื้อได้ที่เซเว่นอีเลฟเว่น
ในราคา 109 บาทด้วยนะคะ
ฝุ่นเยอะๆ แบบนี้อย่าลืมมาดูแลผิวกันค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมาแชร์ปัญหาส่วนตัวของอ๊อฟเอง ไม่รู้ว่าสาวๆ คนอื่นเป็นกันมั้ย

นั่นก็คือ “ผมลีบผมแบน “ ทำยังไงผมก็ดูไม่มีวอลลุ่มกับเค้าซักที

เนื่องจากอ๊อฟเป็นคนที่ผมตรงมว๊ากกกก เวลาสระผมเสร็จผมนี่ตรงแหน่วเลย

เวลาจะออกจากบ้านแต่ละทีก็ต้องม้วน ต้องยีผม เสียเวลาในการเซตผมนานมาก

แต่ปัญหาผมลีบผมแบนจะไม่เกิดกะอ๊อฟแล้ว เพราะว่าตอนนี้มันมีวิธีที่จะทำให้ผมพองขึ้น

มีวอลลุ่มขึ้น ดูเป็นคนผมหนาสุขภาพดีขึ้น ด้วยเทคนิคจากประเทศเกาหลี

นั่นก็คือ ” การดัดผม” นั่นเอง

และจะเป็นร้านไหนไปไม่ได้นั้นก็คือ ToB 1 Hair Station เป็นร้านที่อ๊อฟฝากชีวิตผมอ๊อฟไว้ที่นี่

ไม่ว่าจะทำสี ทำทรีทเม้นท์ ดีท๊อกซ์หนังศีรษะ หรือะไรที่เกี่ยวกับเส้นผม

อ๊อฟยกให้ร้านนี้เป็นที่หนึ่งเลย และสาขาที่อ๊อฟเข้าไปดูแลผมก็คือสาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะคะ

อยู่ชั้น 3 โซนบิวตี้ หาไม่ยากเลยค่ะ

มาถึงทางร้านก็จะทำการเช็คสภาพและวิเคราะห์ผมก่อนว่าลักษณะผมของเราเป็นยังไงบ้าง

ต้องบอกว่าสาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ พี่ปูเค้าเป็นอันดับ 1 ในการดัดจริงๆ

อย่างที่บอกว่าผมอ๊อฟลีบและแบนมาก วันนี้เลยจะทำการดัดยกโคนเพื่อให้โคนผมพองขึ้น

ดูสปริงตัวขึ้นที่สำคัญไม่มีใครจับได้แน่นอนว่าเอ๊ะ ไปทำอะไรมา

หลังจากที่ประเมินผมแล้ว ตรงช่วงผมที่อ๊อฟเคยฟอกหรือทำไฮไลท์ค่อนข้างอ่อนแอ

เลยต้องมีการทำทรีทเม้นท์อัดเข้าไปเพื่อให้สุขภาพผมแข็งแรง

ตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่นสำหรับดัดผมด้วย พรีทรีทเมนท์ 2,500 ก่อนดัด
*** ขึ้นอยู่กับสภาพของเส้นผม บางคนต้องทำก่อนดัด บางคนอาจจะดัดได้เลย

หลังจากที่เราทำทรีทเม้นท์เสร็จก็จะเริ่มใส่น้ำยาดัดผม ซึ่งจะเริ่มทำการดัดยกโคนเพื่อเพิ่มวอลลุ่ม

ให้กับผม ให้ผมสปริงตัวขึ้น ซึ่งจะบอกว่าเทคนิคนี้ส่งตรงมาจากประเทศเกาหลีเลยทีเดียว

สาวๆเกาหลีเค้าฮิตดัดยกโคนมากกกก สาวไทยอย่างเราก็ห้ามพลาดนะจ๊ะ

ซึ่งราคาดัดยกโคนผมราคา 3,000 บาท

นอกจากจะดัดยกโคนผมให้ดูสปริงตัวขึ้นแล้ว

เราก็จะมาดัดช่วงปลายผมให้ดูมีวอลลุ่มด้วยการดัดดิจิตอลค่ะ

บางคนกลัวว่าดัดผมแล้วจะเป็นลอนหยิกดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องห่วงค่ะ

ลอนที่นี่จะเป็นลอนใหญ่ๆ คลายๆ เหมือนสาวเกาหลี

เห็นสายระโยงระยางไม่ต้องตกใจไปนะคะ ขั้นตอนนี้จะเป็นการปล่อยพลังงานความร้อน

ที่ช่วยทำให้ลอนดัดของเราเซตตัวเราจะรู้สึกอุ่นๆ นิดหน่อยไม่ร้อนถึงหนังศีรษะค่ะ

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ

ดัดปลายดิจิตอลราคา  6,000 บาท (ความยาวผมอ๊อฟดัดปลายดิจิตอลราคา 5,800 บาทนะคะ)

หลังจากที่ล้างน้ำยาดัดผมเสร็จแล้วก็จะตัดแต่งทรงผมเล็กน้อย เห็นผมเค้าที่ออกมามั้ยเป็น curve สวยงามเลย
ซึ่งราคาตัดผมที่สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ราคา 600 บาท
แต่ถ้าอยากให้คุณแม่โอ๋ตัดผมให้เหมือนในรูปแบบอ๊อฟ ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท ต้องโทรนัดล่วงหน้าน้าาา

หลังจากที่ตัดผมเรียบร้อย วิธีเซตผมดัดก็ไม่ยากเลยค่ะ  ใช้มือบิดผมให้เป็นเกลียวแล้ว

ใช้ไดร์เป่าผม เป่าให้แห้ง เพียงแค่นี้ผมก็ออกมาพองหนาดูสุขภาพดี

ทั้งโคนผมที่ยกขึ้นและปลายผมที่ดัดออกมาดูเป็นธรรมชาติ

ไม่ต้องหัวลีบหัวแบนอีกต่อไปแล้ววววว

ทั้งโคนผมที่ยกขึ้นและปลายผมที่ดัดออกมาดูเป็นธรรมชาติ

ไม่ต้องหัวลีบหัวแบนอีกต่อไปแล้ววววว

ต้องขอบคุณพี่ปูและพี่โอ๋ ทีมงาน ToB1 Hair Station สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะด้วยนะคะ

ที่ดูและทุกขั้นตอนการทำผมเป็นอย่างดี สำหรับสาวๆ ที่สนใจวันนี้อ๊อฟมีโปรโมชั่นมาฝากกันด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ติดต่อสอบถามโปรโมชั่น – นัดหมาย

LINE@TOB1HAIRSTATION…CLICK!!!

📞 081 966 1023

สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟอยากจะบอกว่าตั้งแต่เขียนคอนเท้นท์รีวิว

ด้านความสวยความงามและสุขภาพมา คอนเท้นท์นี้เป็นอะไรที่ตรงกับความชอบ

และความถนัดของอ๊อฟที่สุดแล้ว นั่นก็คือ “ การนอน ” นั่นเอง จะบอกว่าอ๊อฟเป็นคนชอบนอนมาก

เป็นคนที่นอนได้ทุกที่ทุกเวลา คนรอบข้างอ๊อฟจะรู้ดีว่าอ๊อฟเป็นคนที่นอนเยอะมาก

ในรถก็จะพกหมอนพกผ้าห่มติดตัวไปตลอด คือมีหมอนก็พร้อมหลับได้ทุกที่ทุกเวลา

แต่ยิ่งนอนมากเท่าไหร่ก็ไม่สดชื่นเลยค่ะ รู้สึกเพลียตลอดเวลา

วันนี้อ๊อฟเลยแวะมาที่ Index Living Mall สาขาบางนาค่ะ เค้าบอกว่าที่ Perfect Sleep  เนี่ย

เค้าเปิดให้บริการเพื่อการเลือกสรรสร้างห้องนอนและการนอนอย่างครบทุกรูปแบบ

พอเข้ามาข้างในก็จะเห็นสินค้ามากมายที่ทาง Index Living Mall ได้คัดสรรสุดยอดแบรนด์นวัตกรรม

เรื่องการนอนชั้นนำของโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกาอย่าง (PureCare)เพียวแคร์  

เข้ามาจำหน่ายรายแรกและรายเดียวในไทย โดยมีสินค้ามากมายหลายแบบ

เช่น เครื่องนอน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปลอกผ้านวม

แต่ที่สะดุดตาก็คงจะเป็นพวกหมอนนี่แหละคือ ไม่ได้ซื้อหมอนมานานมากกกก

พอมาเห็นว่าหมอนใบนึงเนี่ย มันมีคุณสมบัติอะไรมากมายขนาดนี้ อ๊อฟนี่ตื่นตาตื่นใจมากเลย

เดี๋ยวตามอ๊อฟไปดูกันค่ะ ว่าหมอนที่อ๊อฟพูดถึงมีอะไรบ้าง

Body Chemistry หมอนหนุนมีทั้งหมด  2 รุ่นด้วยกัน

รุ่น Elegance แกนกลางทำจาก Memory Foam ที่มีคุณสมบัติพิเศษ

ช่วยการกระจายน้ำหนักและลดแรงกดทับของผู้นอน

รุ่น Softcell Select สามารถเพิ่มความสูงได้โดยการใส่ไส้หมอนเพิ่มเข้าไป

มีความนุ่มฟูด้วยขนเป็ดเทียม โดยโครงสร้างแบ่งเป็นช่องๆ

และมีแนวยาวเพื่อรองรับส่วนต้นคอ

ซึ่งจุดเด่นด้านของเส้นใยธรรมชาติ “เซลเลียนท์” (CELLIANT) มีส่วนผสมจากแร่ธาตุธรรมชาติ

มาใช้ในการถักทอ เพื่อมอบสัมผัสที่นุ่มลื่นสบายผิว ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เย็นสบาย

และช่วยคืนพลังขณะหลับ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในร่างกาย

ช่วยบรรเทาความปวดเมื่อย อาการตึงของกล้ามเนื้อ ทำให้หลับได้สนิทมากยิ่งขึ้น

BODY CHEMISTRY elegant pillow ราคา 1,990 บาท

SUB-O หมอนหนุนมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน

คือ Softcell และ Down Combo

ด้วยเส้นใย Cooling Fiber ของตัวผ้าและเจลจะช่วยปรับอุณหภูมิและระบายความร้อนออกจากร่างกาย

ให้ผิวสัมผัสที่เย็นสบายผ่อนคลายขึ้นเหมาะกับคนที่มีอาการหัวร้อน ปวดไมเกรน

เพราะ FRIO เป็นหมอนที่ให้ผิวสัมผัสที่เย็นทำให้การนอนหลับสบาย หลับลึก

ช่วยผ่อนคลายและระบายความร้อนลดอาการปวดศรีษะ

SUB-O Down combo Pillow ราคา 2,990 บาท

SUB-O Softcell chill Pillow ราคา 2,990 บาท

Tempsync หมอนหนุนมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน

TEMPSYNC Identically Down Medium pillow และ TEMPSYNC Softcell pillow

ความพิเศษของ Softcell มีความนุ่มฟูเป็นพิเศษด้วยขนเป็ด Softcell โดยโครงสร้างแบ่งเป็นช่องๆ

แต่ละช่องจะช่วยรองรับสรีระต้นคอได้ดีกว่า ซึ่งความพิเศษของ TEMPSYNC คือช่วยปรับอุณหภูมิร่างกาย

ให้สมดุลเพื่อให้เซลล์ในร่างกายได้ทำงานอย่างเต็มที่

TEMPSYNC Identically Down Medium pillow ราคา 2,590 บาท

TEMPSYNC Softcell pillow ราคา 3,590 บาท

OMNIGUARD ปลอกกันเปื้อนเป็น Protection คุณภาพสูงและยังคงให้สัมผัสที่นุ่มสบายของการนอน,

กันไรฝุ่นและแบคทีเรีย,กันน้ำได้ ดูแลรักษาได้ง่ายมีทั้งแบบปกคลุม 5 ด้านและ 6 ด้าน

ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของผ้าปูที่นอนนอกจากเนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นและกระชับรับเหลี่ยมที่นอน

พอดีขอบที่มีความหนา 30 cm. ยังรัดมุมไม่หลุดง่ายสัมผัสได้ถึงความตึงเรียบอีกด้วย

นอกจากผ้าปูที่นอนแล้วก็ยังมีปอกหมอนกันเปื้อน OMNIGUARD

pillow protector ราคาเพียง 490 บาท

นอกจากเค้าจะเค้าจะมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมายแล้ว ใครที่มีปัญหาเรื่องนอนแล้วปวดหลัง

หรือนอนแล้วตื่นมาไม่สดชื่น ที่นี่เค้าก็สามารถช่วยแนะนำวิธีการแก้ปัญหาการนอนได้อีกด้วย

เรียกได้ว่าที่นี่เป็น ONE-STOP SERVICE  ที่ช่วยแก้ไขปัญหาการนอนด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ

ขั้นตอนแรกก็จะทำแบบสอบถามซึ่งจะต้องกรอกข้อมูล เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนักและไลฟ์สไตล์การนอน

ของเราเบื้องต้นว่าชอบนอนแบบไหนแล้วจะทำการประมวลผล

ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นเองค่ะ

สนใจทำแบบสอบถามคลิกเลยค่ะ :  

http://bit.ly/2AIeltZ

ซึ่งที่นอนที่เหมาะกับอ๊อฟนั่นก็คือ ” ค่อนข้างนุ่ม  “

ทาง Perfect Sleep เค้าประมวลผลออกมาได้เป๊ะจริงๆ  อ๊อฟเป็นคนเสพย์ติดที่นอนนุ่มๆ แหะๆขั้นตอนต่อมาผู้เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพก็จะตรวจโครงสร้างของสรีระโดยการตรวจวัดแนวกระดูกสันหลัง

และขั้นตอนสุดท้ายนั่นก็คือการทำ SLEEPSCANNING ด้วยอุปกรณ์ไฮเทคใหม่ล่าสุด

เพื่อวิเคราะห์หาที่นอนที่เหมาะที่สุด วัดการกดทับทุกจุดของร่างกายที่สัมพันธ์กับท่านอนได้อย่างแม่นยำ

ขั้นตอนนี้ชอบมากกก แค่ล้มตัวลงนอนเท่านั้นเอง เจ้าตัวเซนเซอร์ก็จะทำการตรวจหาแรงกดทับของร่างกาย

บนที่นอนเพราะการเลือกที่นอนผิดจะส่งผลกับสรีระการโค้งงอและการคดของกระดูกสันหลัง

ทำให้นอนหลับไม่สบายและเกิดปัญหาอื่นๆ ต่อไปในอนาคตค่ะขอเปลี่ยนท่าที่ถนัดก่อนเนอะ อ๊อฟเป็นคนชอบนอนตะแคงค่ะ

เดี๋ยวมาดูกันว่าที่นอนที่เหมาะกับการนอนของอ๊อฟและท่าทางการนอนของอ๊อฟ

เนี่ยมันจะสัมพันธ์กับที่นอนที่ทาง PERFECT SLEEP เลือกมามั้ย

และแล้วผลก็แสดงออกมาเป็นภาพสีว่าจุดไหนที่ร่างกายได้รับการกดทับมากที่สุด

จากภาพที่ออกมานี้นำมาประมวลผลเป็นตัวเลขและวิเคราะห์ออกมาได้อย่างแม่นยำ

ของอ๊อฟแทบจะไม่มีส่วนไหนกดทับมากเป็นพิเศษเลย สีที่ออกมาคือฟ้าและเขียว

นั่นหมายถึงว่าเป็นสัญญาณที่ดี มีการกระจายแรงที่เหมาะสม

ไม่มีส่วนใดส่วนนึงมีแรงกดทับมากเกินไป เรียกว่าหลับสบายหายห่วง

สำหรับใครที่มีปัญหานอนแล้วปวดหลัง นอนเท่าไหร่ก็ไม่สดชื่นแบบอ๊อฟ

ทาง PERFECT SLEEP เค้าก็มีบริการวิเคราะห์ปัญหาด้านการนอนโดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด

ที่ผ่านการอบรมมาแล้วคอยให้คำปรึกษาแนะนำ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือทุกอย่างที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย

ฟรีหมดเลยแถมยังใช้เวลาไม่นานอีกด้วยส่วนที่ต้องจ่ายก็คือการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่นอนดีๆ หมอนดีๆ

ซึ่งทาง Index Living Mall สาขา บางนา และเกษตรนวมินทร์

ที่ Perfect Sleep เค้าก็มีผลิตภัณฑ์คุณภาพให้เลือกซื้อมากมายค่ะ

หรือสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่:

http://bit.ly/2AMvW4d

สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมาพูดถึงคลีนเซอร์สำหรับล้างหน้า และถ้าหากพูดถึงคลีนเซอร์สำหรับล้างหน้า
ที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่ายในดวงใจของใครหลายๆ คนแล้ว
อ๊อฟเชื่อว่า 1 ในนั้นต้องมี Cetaphil Gentle Skin Cleanser แน่นอน
Cetaphil ถูกคิดค้นมาสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจำเป็นสำหรับการดูแลผิวจริงๆ
ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือส่วนผสมของน้ำหอมและผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
จึงอ่อนโยนและปลอดภัยเพราะได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังทั่วโลก
พร้อมการันตียอดขายอันดับ 1 อีกต่างหาก
Cetaphil Skin Gentle Cleanser เป็นเจลล้างหน้าที่มีคุณสมบัติเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย
เป็นสูตรอ่อนโยนที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ส่วนตัวอ๊อฟว่าค่อนข้างเหมาะกับคนที่ผิวแห้งและแพ้ง่ายนะคะ
เนื่องจากไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ แถมยังมีค่า pH Balance ใกล้เคียงกับผิวหนังตามธรรมชาติ
เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อเจลสีขุ่น ๆ ไม่มีกลิ่น มีความลื่นนิดๆ เนื่องจากเขามี Moisturizing Film
ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวและลดการเสียดสีของผิวอีกด้วย
นอกจากใช้เป็นเจลล้างหน้า หรือ เจลอาบน้ำแล้ว เรายังสามารถใช้เป็น Makeup remover ได้เลย
ในขณะที่หน้ายังแห้งอยู่นะคะอ๊อฟว่าเหมาะมากสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย
แค่ใช้ตัวเดียวคือจบไม่ต้องรบกวนผิวหลายรอบ
นอกจากไซส์ใหญ่แล้ว Cetaphil เขายังเอาใจคนที่ชอบเดินทางออกแบบไซส์เล็กขนาดพกพา
สะดวกพกง่าย ขึ้นเครื่องก็ได้ หากใครสนใจไซส์ใหญ่สามารถลองซื้อลองดูได้ที่ Watson / Boots
และร้านขายยาชั้นนำทั่วไปเลยค่ะ ส่วนไซส์เล็กสามารถหาซื้อได้ที่ 7-11 ค่า
อย่าลืมมาดูแลผิวกันนะคะ 

สวัสดีค่ะ อ๊อฟกลับมาอีกครั้งกับการทำรีวิวแฮนด์ครีม

ที่ค้นไปค้นมามีถึง 20 ยี่ห้อเลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นผู้หญิงมือเหี่ยว

มือหยาบและแห้งกร้าน แถมมือยังด้านอีกต่างหาก

ชอบขุดดินทำสวน ล้างจาน ล้างห้องน้ำแบบไม่ใส่ถุงมือ

เลยทำให้มือเหี่ยวกว่าหน้าอีก อายุ 32 แต่มือปาไป 40

คราวนี้เลยต้องบำรุงอย่างหนักเรียกได้ว่าติดครีมทามือมากกก

ต้องมีติดตัวตลอด วันนี้เลยจะมารีวิวให้สาวๆ ได้ดูกัน

 

วันนี้เลยจะมารีวิวความรู้สึกหลังใช้ผลิตภัณฑ์สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C&E มินิ 4
ให้ได้ดูกันค่ะ รีวิวตามแบบฉบับอ๊อฟจะเป็นยังไงกันบ้างตามไปดูกันเล๊ยยยย
สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4 (ขนาด 30 กรัม X 4 ก้อน)
ผสานคุณค่าจากธรรมชาติของมะเขือเทศ วิตามินซี และ อี ช่วยทำให้ผิวแลดูขาวกระจ่างใส
ถนอมผิวให้นุ่มชุ่มชื่นอ่อนเยาว์ อีกทั้งมอบฟองนุ่มละเอียด ทำความสะอาดสิ่งสกปรก
เพื่อผิวสะอาดเกลี้ยงเกลา แลดูกระจ่างใส มีสุขภาพดีตามที่คุณต้องการ
ทางแบรนด์เคลมสรรพคุณมาอย่างนี้ มีหรอที่อ๊อฟจะไม่ทำการทดสอบให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน
เริ่มกันที่แพคเกจจิ้งกันก่อนเนอะ ลักษณะแพคเกจก็เป็นกล่องพลาสติกใสมีพรีเซนเตอร์สุดสวย
คือคุณหญิง รฐา นั่นเองแต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ “
ข้างในเค้าแบ่งออกเป็น 4 ก้อนเล็กๆ ” (มินิ 4 แบ่งใช้สะดวก)
พอแกะออกมาก็จะเป็นสบู่ก้อนเล็กๆ ที่บรรจุอยู่ในซองพลาสติกเรียงติดกัน 4 ชิ้น
ซึ่งสามารถแบ่งออกมาที่ละห่อได้เป็นสบู่ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าจมูกของอ๊อฟไม่เพี๊ยน
กลิ่นมันจะออกแนวฟลอรัล ซึ่งหอมอ่อนๆ กำลังดี
ซึ่งข้อดีของมินิ 4* ก็คือ สามารถแบ่งใช้ได้สะดวกมว๊ากกก ยิ่งเวลาที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน
พกแค่ซองเดียวก็พอประหยัดเนื้อที่กระเป๋า หยิบใช้งานง่าย สะดวกสบายสุดๆ
ขนาดของสบู่ก็เป็นก้อนเล็กๆ ซึ่งเล็กกว่าฝ่ามือของอ๊อฟค่อนข้างเยอะเลยและก็บางกว่าสบู่ก้อนธรรมดาทั่วไปค่ะ
มาดูกันที่ฟองของสบู่ ถ้าถูด้วยมือธรรมดาฟองจะค่อนข้างใหญ่และมีปริมาณฟองที่พอดี
แต่ถ้าใครชอบฟองเยอะๆ สามารถใช้ตาข่ายตีฟองได้ค่ะ ฟองที่ได้ก็จะเนียนนุ่มละเอียดและมีปริมาณเยอะขึ้น
ส่วนตัวอ๊อฟชอบใช้ถุงตาข่ายเอามาใส่สบู่และตีฟอง ฟองเยอะๆ ถูตัวเพลินดีค่ะ
เรื่องแรกที่อ๊อฟจะทดสอบเลย คือ ” การตรวจสภาพความชุ่มชื้นของผิว “
ซึ่งปกติเวลาเราใช้สบู่ก้อนไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าและผิวกาย เมื่อล้างสบู่ออกผิวจะค่อนข้างแห้งตึง
เพราะปกติสบู่ก้อนที่เราใช้ทั่วไปจะชำระล้างความมันและความชุ่มชื้นของผิวหนังออกจนหมด
สภาพผิวของอ๊อฟก่อนใช้สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4
อ๊อฟเป็นคนที่ผิวค่อนข้างแห้ง ยิ่งช่วงหน้าหนาวผิวจะแห้ง ลอกแตกเป็นขุย บางครั้งเผลอไปเกายังขึ้นเป็นริ้วขาวๆ
พอใช้เครื่องตรวจสภาพผิวถึงได้รู้ว่าปริมาณน้ำหรือความชุ่มชื้นของผิวของอ๊อฟน้อยมากกกก T.T
ได้เวลาอาบน้ำแล้ววววว นั่นแน่…คิดอะไรอยู่ ให้ดูแค่แขนพอเนอะ เดี๋ยวจะต้องขึ้นเตือน 18+
วิธีใช้สบู่ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเลยค่ะ ไม่รู้จะแนะนำยังไงแค่ทำให้ผิวและสบู่เปียก
หลังจากนั้นก็ถูๆๆ แล้วล้างออกให้สะอาดค่ะ ซึ่งเห็นฟองเยอะขนาดนี้แต่เวลาล้างออกก็ไม่ยากเลยค่ะ
หลังจากที่ใช้สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4 เราจะมาทำการเช็คสภาพผิวกันค่ะ
และผลลัพธ์ที่ได้คือ ” ความชุ่มชื้นและน้ำมันที่ผิวของอ๊อฟเพิ่มขึ้นทันที ” เพิ่มขึ้นจากเดิมเยอะเลย
ลูบผิวไปก็ไม่แห้งตึงรู้สึกได้เลยว่าผิวนุ่มลื่นและชุ่มชื้นขึ้น สำหรับคนที่ผิวแห้งแบบอ๊อฟ
แนะนำให้ชโลมออยให้ทั่วตัวและทาโลชั่นเพิ่มค่ะ
ต่อมาคือ ” เรื่องความกระจ่างใส ” ปกติอ๊อฟไม่ได้เป็นคนที่อินกับอะไรที่ทำให้ผิวขาวอยู่แล้ว
เพราะค่อนข้างพอใจในสีผิวเดิมของตัวเอง แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะหลังจากที่ลองใช้เพียงแค่ครั้งแรก
” ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้นทันที ” ไม่รู้จะพูดยังไงให้ดูตามภาพเลย สีของแขนทั้งสองข้างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
มันไม่ได้ขาวแบบคนผิวคล้ำไปเป็นคนขาวนะ คือผิวมันใสขึ้น สว่างขึ้นมากกว่า
ซึ่งอาจจะเพราะอ๊อฟทาโลชั่นบำรุงผิวและออกไปโน่นนั้นนี่โดนฝุ่นโดนมลภาวะต่างๆ
พอมาทำความสะอาดผิวด้วยสบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4
พวกคราบสิ่งสกปรกหรือขี้ไคลเลยหลุดออกไป ผิวจึงขาวหรือสว่างขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งถ้าอยากให้ผิวขาวจริงๆ นั้นต้องทาครีมกันแดด โลชั่นบำรุงผิว หลบเลี่ยงแสงแดด ทานวิตามิน
หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีและอี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้เป็นประจำสม่ำเสมอด้วยนะคะ
ไม่ใช่ใช้แค่วันสองวันแล้วบอกไม่เห็นผล ทุกอย่างต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูและบำรุงทั้งนั้นเนอะ
ต่อมาเรื่องที่อ๊อฟจะพิสูจน์เรื่องสุดท้ายคือ ” เรื่องประสิทธิภาพการทำความสะอาด “
วันนี้อ๊อฟแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอางปกติคือมีทั้งครีมกันแดด รองพื้น ดินสอเขียนคิ้วและอายไลเนอร์แบบกันน้ำ
ซึ่งปกติถ้าจะต้องทำความสะอาดหน้าก็จะต้องใช้ make up remover เช็ดทำความสะอาดก่อน
แต่วันนี้บอกแล้วว่าจะทำการทดสอบเรื่องความสะอาดเน้นๆ
เลยใช้แค่สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4 พอค่ะ
ฮือออ…..มันดีมากอะ ล้างแค่แปปเดียวก็ทำความสะอาดได้หมดเลย ไม่มีคราบคสอ. หลงเหลืออยู่เลย
ที่สำคัญไปกว่านั้นใช้แล้วผิวหน้าไม่แห้งตึงด้วย ลูบไปผิวหน้ายังคงนุ่มลื่นอยู่เลย แต่ถ้าใครที่แต่งหน้าจัด
หรือใช้คสอ.กันน้ำที่ล้างออกยากๆ และคิดว่าการทำความสะอาดเท่านี้ไม่เพียงพอ สามารถใช้คลีนซิ่ง
เช็ดทำความสะอาดผิวเพิ่มได้ค่ะ ส่วนตัวอ๊อฟใช้มาระยะนึงสิวไม่ขึ้นแล้วก็ไม่มีการแพ้ค่ะ
หลังจากล้างหน้าเสร็จก็บำรุงผิวตามขั้นตอนปกติได้เลยค่ะ
สรุปๆๆๆ สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4

ทำความสะอาดผิวได้ค่อนข้างดี ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นจริง!!!!

สำหรับใครที่ดูรีวิวมาเยอะ บอกเลยว่ากำเงิน 48 บาทเข้า 7/11 แล้วไปซื้อเถอะไม่เสียดายสะตุ้งสตางค์แน่นอน

สวัสดีค่ะ อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้สภาพอากาศของบ้านเราแย่มาก อากาศถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละออง PM 2.5
ไปหมด ยิ่งแถวร่มเกล้า ลาดกระบัง สุวรรณภูมิ (แถวบ้านอ๊อฟเอง) นี่ไม่ต้องพูดถึงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ
ถ้าไม่ได้ติดตามข่าว บางคนอาจจะไม่รู้ว่าหมอกจางๆ ที่เรามองเห็นนั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่หมอก
แต่มันคือฝุ่นควันที่มีมากจนเกินค่ามาตรฐานตามที่กรมควบคุมมลพิษได้ออกมาบอกไว้
หมอกหนาๆ ทึบๆ ที่เรามองเห็นนั้นเกิดจากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกินมาตรฐานนั่นเอง
ตอนแรกอ๊อฟก็คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวไม่ได้สนใจอะไร แต่พอมารู้ว่าฝุ่นละออง PM 2.5 สามารถแพร่กระจาย
เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ กระแสเลือด สามารถแทรกซึมเข้าสู่กระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ
ภายในร่างกายและยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรังและมะเร็งได้อีกด้วย จึงต้องรีบหาทางเซฟตัวเองก่อน
ดังนั้นวันนี้อ๊อฟเลยจะมารีวิวหน้ากากกันฝุ่นละออง N95 ของแบรนด์ 3M ทั้ง 2 แบบ
ทั้งแบบมีวาล์วและไม่มีวาล์ว ในแง่ของการใช้งานว่าเป็นอย่างไร แตกต่างกันตรงไหนบ้าง
ปล. รีวิวนี้ไม่มีสปอนเซอร์นะคะ ซื้อเองใช้เอง บางคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเลือกใช้ยี่ห้อ 3M
ส่วนตัวอ๊อฟเลือกเพราะมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 3M หลายอย่างๆ จากที่เคยใช้มาค่ะ
เริ่มกันที่แบบแรก 3เอ็ม 9105 vflex หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองมาตรฐาน N95
เป็นหน้ากากกรองอากาศ (Respirators) สำหรับป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 และ PM 10
มี 2 ขนาดให้เลือกคือ ขนาดธรรมดา (รุ่น 9105) และขนาดเล็ก (รุ่น 9105S) ที่อ๊อฟเลือกมาคือขนาดธรรมดานะคะ
บางคนอาจจะงงว่าใส่ยังไงเหมือนกับหน้ากากอนามัยทั่วไปมั้ย ยอมรับเลยว่างง ฮ่าๆๆๆ
เพราะไม่เคยใส่หน้ากากแบบนี้เลยแต่ด้านหลังซองเค้ามีวิธีใช้บอกอย่างละเอียดอยู่ค่ะ ใส่ตามได้ไม่ยากเลย
ซึ่งรุ่นนี้สามารถพับเก็บได้ จะเรียกว่าเป็นข้อดีก็ได้อะเพราะพกพาได้สะดวกสบาย
แนะนำว่าพับแล้วเก็บไว้ใส่ซองซิปล็อคแล้วใส่กระเป๋าดีกว่าเพื่อป้องกันฝุ่นในกระเป๋าด้วยค่ะ
ราคา 35 บาท (บรรจุ 1 ชิ้น)
หน้ากากมาพร้อมกับแถบโลหะที่สามารถปรับให้เข้ากับรูปหน้าได้ ด้านหลังเป็นยางที่คล้องรัดศีรษะ
2 สิ่งที่ผู้หญิงอย่างเราต้องระวังเป็นพิเศษ คือ
1. เครื่องสำอางที่จะเปรอะด้านในมาส์กเวลาที่เราสวมใส่ ระวังยังไงก็ยังเปื้อนคราบรองพื้นอยู่ดี T.T
2. ผมเผ้าอาจกระเจิงได้ถ้าไม่จัดทรงผมให้ดี อ๊อฟเสียเวลาในการใส่นานมาก T.T
หน้ากากรุ่นนี้มีประสิทธิภาพการกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ไม่ต่ำกว่า 95%
ขนาดค่อนข้างพอดีกับรูปหน้าใส่สบายไม่บีบรัดหน้า แต่ส่วนตัวอ๊อฟว่าหายใจค่อนข้างลำบาก
คนไม่เคยใส่ยิ่งไม่ชินแปปเดียวก็ต้องถอดออกแล้ว ยิ่งเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
และคนที่ชอบปั่นจักรยานหรือขี่มอเตอร์ไซค์ตามท้องถนนไม่ต้องพูดถึง หายใจลำบากแน่นอน
หน้ากากแบบนี้ส่วนตัวอ๊อฟว่าไม่ควรซักแล้วใช้ซ้ำนะคะเพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพในการจับฝุ่นละอองลดลง
ถ้ารู้สึกว่าเริ่มดำหรือสกปรก หน้ากากผิดรูปควรเปลี่ยนอันใหม่จะดีกว่าค่ะ
แบบที่สองคือ 3เอ็ม N95 หน้ากากกรองอนุภาคพร้อมวาล์วระบายอากาศ (8511)
พิเศษด้วยวาล์วระบายอากาศ Cool Flow™
ประสิทธิภาพการกรองไม่น้อยกว่า 95% สามารถกรองฝุ่นละออง
และฟูมโลหะต่างๆ ที่ 0.3 ไมครอน (ยกเว้นละอองของน้ำมัน)
ราคา 149 บาท (บรรจุ 1 ชิ้น)
ข้อเสีย คือ รุ่นนี้ไม่สามารถพับเก็บได้ ตัวหน้ากากเป็นทรงถ้วย
มีแถบอลูมิเนียมอยู่ด้านบนและมีแถบโฟมบุอยู่ด้านในหลังแถบอลูมิเนียมเพื่อเพิ่มความกระชับให้รับกับรูปหน้า
ข้อดี คือ รุ่นนี้มีวาล์วระบายอากาศ ราคาสูงหน่อยแต่หายใจคล่องกว่าตัวที่ไม่มีวาล์วมาก
ข้อเสียอีกอย่างที่อ๊อฟพบเจอมาตลอดการใช้งานคือ แถบเหล็กข้างหลังหน้ากาก
ที่เย็บยึดตัวสายไว้มันกดทับข้างๆ ใบหน้าทำให้รู้สึกเจ็บ T.T
พอใส่แล้วจะบอกว่ารุ่นนี้ใส่แล้วรัดหน้าแน่นกว่ารุ่นที่แล้วอีก ใส่แล้วรู้สึกอึดอัด คับหน้า
แต่หายใจสบายกว่าตัวที่แล้วมากกกกกน่าจะเป็นเพราะตัวนี้มีวาล์วที่ช่วยระบายความร้อน
และความชื้นที่สะสมภายในหน้ากาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหายใจสบายกว่าตอนที่ไม่ใส่หน้ากากนะ
สายรัดเป็นแบบคล้องศีรษะกระชับและแน่นหนาดี
หน้ากากแบบนี้ไม่ควรซักเหมือนกันนะคะ ถ้ารู้สึกว่าดำหรือสกปรกควรทิ้งแล้วเปลี่ยนใหม่ค่ะ
สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่าปัญหามลภาวะจาก PM 2.5 มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว
นอกจากจะหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้บริเวณริมถนนใหญ่ ใกล้ควันรถยนต์หรือบริเวณที่มีการก่อสร้าง
ควรเลือกหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น N95 ได้และต้องมีความละเอียดของเส้นใยที่สูงพอที่จะกรองฝุ่นเล็กๆ
ขนาด 2.5 ไมครอนได้ อย่างเช่นหน้ากาก N95 ที่มีขายกันหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งจะสามารถกรองอนุภาค
ขนาด 0.3 ไมครอนได้ถึง 95% ส่วนพวกหน้ากากอนามัยธรรมดาที่ขายกันทั่วไปตามท้องตลาดนั้น
นอกจากจะกรองไม่ละเอียดพอแล้ว ยังไม่แนบชิดกับใบหน้าจึงทำให้อากาศผ่านเข้าออกได้ง่ายอีกด้วย
สรุปคือ ถ้าเป็นหน้ากาก N95 มันจะครอบตรงปากกับจมูกของเราแบบมิดชิดเรียกได้ว่าเวลาหายใจ
ผ่านหน้ากากนี้จะแบบอึดอัดแทบหายใจไม่ออก หรือไม่มีอากาศจากภายนอกเล็ดรอดผ่านขอบหน้ากากเข้ามา
ได้เลยจะมีแค่ลมหายใจเข้าออกจะผ่านหน้ากากเท่านั้น ที่สำคัญถ้าใช้หน้ากาก N95 ต้องใส่ให้ถูกวิธีด้วยนะคะ
ถ้าใส่ไม่ถูกหรือไม่มิดชิดก็จะทำให้ไม่สามารถป้องกันจาก PM 2.5 ได้อย่างเต็มที่

สวัสดีค่า วันนี้อ๊อฟรวบรวมเอาแป้งฝุ่นทั้งหมดที่ใช้อยู่มารีวิวให้ดูกันค่ะ

ซึ่งที่รวบรวมมาวันนี้ก็มีทั้งแบบฝุ่นและแบบอัดแข็ง ราคาตั้งแต่หลักสิบยันหลักพัน

ใครที่กำลังมองหาแป้งฝุ่นอยู่ หรือว่าใช้ตัวไหนดีไม่ดียังไง อย่าลืมมาแชร์กันนะคะรีวิวหน้าอ๊อฟจะเป็นอะไร อย่าลืมติดตามอ่านกันด้วยน้าาาา