สวัสดีค่ะ อ๊อฟกลับมาอีกแล้วกับกระทู้รีวิวที่รวบรวมเอาของดี ของเด็ด ของที่เคยใช้มารีวิว มีข้อดี ข้อเสียบ้าง
ใช้แล้วชอบ ใช้แล้วไม่ชอบบ้างปะปนกันไป วันนี้อ๊อฟมาพร้อมกับ Cleansing Water 20 ยี่ห้อที่ใช้อยู่
มารีวิวให้สาวๆ ได้ดูกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางชนิดน้ำ (Cleansing water) หรือเจ้าน้ำใสๆ
ที่เราเห็นเนี่ย เค้าเป็นที่เช็ดคราบเครื่องสำอางต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นคราบรองพื้น ลิปสติก และสิ่งสกปรกต่างๆ
อย่างเช่น ฝุ่นละอองที่เกาะอยู่บนผิวเรา ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีคำเคลม สารสกัด วิตามินหรือส่วนผสมแตกต่างกัน
ไป ทำออกมาหลากหลายสูตรให้เหมาะกับสภาพผิวต่างๆ ใช้ควบคู่กับสำลี ถ้าถามว่า Cleansing Water ขวดเดียว
เช็ดทำความสะอาดจบมั้ย สำหรับอ๊อฟคิดว่าถ้าคนที่แต่งหน้าหนัก หรือใช้พวกคสอ.ที่เป็น waterproof
เขียนอินเนอร์ไลเนอร์ข้างใน ปัดมาสคาร่ากันน้ำ อาจทำความสะอาดได้เต็มที่เพียงแค่ 70 – 80%
อาจจะต้องเช็ดหลายรอบขึ้นอยู่กับคสอ.แต่ละยี่ห้อ ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเป็นพวกตาหรือปาก
อ๊อฟแนะนำว่าควรใช้ Eye & Lip Make up Remover ทำความสะอาดโดยเฉพาะดีกว่า
เพราะว่าเครื่องสำอางกันน้ำจะละลายได้ดีกับน้ำมัน หลังจากนั้นจึงค่อยใช้คลีนซี่ง วอเตอร์เช็ดซ้ำอีกที
เพื่อดึงคราบเมคอัพหรือความมันที่ยังตกค้างอยู่
Senka Perfect Water Cleansing เป็นคลีนซิ่งอีกตัวที่เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
เช็ดออกได้ง่ายโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะและแห้งตึงไว้บนผิว ที่สำคัญตัวนี้เช็ดแล้วไม่แสบตาด้วย
แต่ตัวนี้มีกลิ่นหอมค่อนข้างชัดเจน ถ้าใครแพ้หรือไม่ชอบน้ำหอมตัวนี้ไม่แนะนำค่ะ
ให้ 7.5/10 คะแนน (300 ml. ราคา 380 บาท) อ๊อฟซื้อที่ Watsons
Fresh drop pure Micellar Make-up Removing Water คลีนซิ่งตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
น้ำหอม แอลกอฮอล์และพาราเบน มีส่วนผสมของอนุพันธ์ของวิตามินซีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
และช่วยให้ผิวกระจ่างใสอีกด้วย ส่วนตัวชอบปริมาณของขวดที่จัมโบ้มว๊าก ใช้ได้นานเลย
แถมยังทำความสะอาดได้ดีสุดๆ เช็ดแล้วสบายผิว ไม่แสบตา พวกคสอ.กันน้ำหรือลิปแมท
ก็เช็ดออกได้ง่าย ยกให้เป็นคลีนซิ่งลูกรักที่ต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งเลย
ให้ 10/10 คะแนน ( 510 ml. ราคา 290 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ Eve & Boy
Freyja Peau Cleansing (เฟรยา พิวย์) คลีนซิ่งวอเตอร์น้ำแร่ประจุลบจากประเทศญี่ปุ่น ตัวนี้สามารถใช้
สำหรับการบำรุงเตรียมความพร้อมของผิวหน้าก่อนการบำรุง หรือเช็ดด้วยสำลีเพื่อเช็ดเครื่องสำอางหรือขจัด
สิ่งอุดตันบนผิว เรื่องเช็ดทำความสะอาดถือว่าทำหน้าที่ได้ดีเหมือนกัน ลองหยิบเอาอายไลเนอร์กับลิปที่ทนมากๆ
มาเทส ยังเช็ดออกได้ง่ายๆ เลย ประมาณสำลีแผ่นที่ 2 ก็เกลี้ยงโดยที่ไม่ต้องออกแรงเช็ดมากมาย
ตัวนี้มีน้ำหอมนะจ๊ะ แต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ในระดับที่โอเคยังรับได้อยู่
ให้ 8/10 คะแนน ( 300 ml. ราคา 490 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ Eve & Boy
Green Pharmacy Micellar Solution 3 in 1 oat คลีนซิ่งตัวนี้มาจากประเทศโปแลนด์
เหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีผิวมันหรือมีปัญหาสิว ผิวบอบบางแพ้ง่ายเพราะสกัดมาจากธรรมชาติ
มีส่วนผสมที่ลดการอักเสบของผิวและยังทำให้สิวหายเร็วด้วย ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน น้ำหอม
ไม่มีส่วนผสมของสบู่ สี สังเคราะห์หรือส่วนผสมของน้ำมัน เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ดี
ไม่แสบผิว ไม่แสบตา หน้าไม่แห้งตึง เสียดายราคาแรงไปนิดนึงถ้าซื้อตอนจัดโปรโมชั่นจะคุ้มกว่า
ให้ 8/10 คะแนน ( 500 ml. ราคา 429 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ watsons
Dove Wipe-off Cleansing Micellar Water กรี๊ดกับคลีนซิ่งตัวนี้ของโดฟเพราะใช้ดีมาก
เช็ดล้างเครื่องสำอางได้หมดจดเพียงแค่แปะทิ้งไว้ไม่กี่วินาทีแล้วรูดออก ที่สำคัญไม่ระคายเคืองผิว
เช็ดพวกอายไลเนอร์และมาสคาร่าไม่แสบตาด้วยจ้า เช็ดแล้วรู้สึกผิวชุ่มชื้นแต่ไม่เหนียวเหนอะ
ชอบฟีลลิ่งที่ให้กว่า Bioderma สีชมพูตัวฮิตนะ เสียดายราคาแอบแรงไปเมื่อเทียบกับปริมาณ
ให้ 9/10 คะแนน ( 235 ml. ราคา 369 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ Konvy
Derclema Cleansing Water (เดอร์คลีมา) เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าและเช็ดเครื่องสำอางสูตรน้ำ
ที่ปราศจากส่วนผสมของสารเคมี น้ำมัน แอลกอฮอล์หรือน้ำหอม มาพร้อมนวัตกรรม Micellar Solution
อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย ตัวนี้ไม่มีน้ำหอมแต่มีกลิ่นแปลกๆ
เช็ดเครื่องสำอางได้ดีเว่อร์ ไม่ระคายเคืองผิว ไม่แสบตา วันไหนแต่งหน้าเบาๆ เช็ดตัวนี้ตัวเดียวไม่ต้องใช้
โฟมล้างหน้าต่อ สิวก็ไม่ขึ้นเอ้อ…เอากะเค้าสิ ใช้แล้วผิวยังชุ่มชื่นไม่แห้งตึง
หักตรงราคาแอบสูงถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่น และกลิ่นที่พิลึกอย่างบอกไม่ถูก ฮ่าๆ
ให้ 8/10 คะแนน ( 250ml. ราคา 850 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ Beautrium
Mizumi Smooth Cleansing Water นอกจากครีมกันแดดที่โด่งดังและใช้ดีมาก คลีนซิ่งตัวนี้ก็เช่นกัน
เป็นคลีนซิ่งที่ไม่เหมือนใครเพราะเป็นสูตรลดแรงเสียดสีผิวสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ ให้สัมผัสที่ “นุ่มลื่น”
เหมือนไม่ได้ใช้สำลี!! เป็นสูตร 5-FREE ไม่มีน้ำหอม น้ำมัน แอลกอฮอล์ พาราเบนและสีสังเคราะห์
ที่สำคัญคือไม่มีสบู่และสารก่อฟอง ไม่อยากจะบอกว่าใช้มาไม่ต่ำกว่า 3 ขวด สัมผัสแรกที่เช็ด คือ มันนุ่มและลื่น
กว่าคลีนซิ่งทุกตัวที่เคยเจอ เช็ดแล้วไม่บาดหน้าแถมยังเช็ดเครื่องสำอางที่ติดทนมากๆ ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
เช็ดได้สะอาดมาก โดยไม่ต้องถูแรง ๆ ส่วนตาลองเช็ดแบบไม่ใช้ eye remover ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี
ไม่ถึงกับหมดเกลี้ยงในรอบเดียว แต่เช็ดแล้วไม่แสบตา สบายผิวคือปลื้มมาก
ให้ 10/10 คะแนน ( 500 ml. ราคา 490 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ Watsons
1028 Visual Therapy Hydrating Cleansing Toner ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า
ด้วยส่วนผสมสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสารปรุงแต่ง น้ำมัน สบู่ หรือแอลกอฮอล์ เป็นคลีนซิ่งที่อ่อนโยน
ต่อผิวอีกตัวนึงที่ไม่ระคายเคืองผิว สามารถเช็ดเครื่องสำอางได้ค่อนข้างดีและยังใช้เป็นโทนเนอร์
หลังล้างหน้าเสร็จแล้วได้อีกด้วย สำหรับตัวนี้นอกจากอ๊อฟจะชอบตรงที่ไม่รู้สึกแสบผิว แสบตาแล้ว เช็ดแล้วทิ้งไว้
ซักพักลองเอามือจับผิวดู ผิวมันจะมีความชุ่มชื้น นุ่มๆ ไม่แห้งตึง พอดูส่วนผสมอีกที อ๋อ เค้าใส่ hyaluronic acid
เข้าไปเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวนั่นเอง นอกจากตัวนี้จะใช้ดี ตัว Eye & Lip Remover ใช้ดีมว๊าก
ให้ 8.5 /10 คะแนน ( 200 ml. ราคา 299 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ Watsons
Lalil Ultra Gentle Cleansing Water เป็นคลีนซิ่งที่ทำแพคเกจออกมาได้น่ารัก สดใสดี มีสารสกัดจากธรรมชาติ
อย่างสารสกัดจากข้าว น้ำกุหลาบ ซึ่งคลีนซิ่งตัวนี้มีกลิ่นหอมแบบฟลอรัลกลิ่นค่อนข้างให้ความรู้สึกดี ไม่เหม็นฉุน
หอมบาง ๆ เช็ดแล้วสดชื่นดี ให้สัมผัสหลังเช็ดที่ค่อนข้างโอเคไม่แห้ง ไม่มันหรือทิ้งความหนึบให้กับผิว
ส่วนเรื่องการทำความสะอาดถ้าเป็นพวกครีมกันแดด หรือแต่งหน้าเบาๆ ก็ทำได้ค่อนข้างโอเค
เช็ดได้สบายผิวและไม่แสบรอบดวงตา แต่ถ้าถามว่าซื้อซ้ำมั้ยคงไม่นะ
ให้ 7/10 คะแนน ( 310 ml / 380 Baht) อ๊อฟซื้อที่ Konvy
Golden Rose Micellar Cleansing Water ปกติเคยใช้แต่ลิปสติกของแบรนด์นี้ ด้วยความอยากรู้อยากลอง
ก็ไปหามาลอง ตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและรอบดวงตา ที่อุดมไปด้วยสารบำรุงที่ช่วยถนอมผิว
พร้อมบำรุงผิวพรรณด้วยสารสกัดจากน้ำมัน japonica camellia และมอยเจอร์ไรเซอร์เพิ่มความมีชีวิตชีวา
และคงความชุ่มชื่นภายในผิว ลองเช็ดดูแล้วทำความสะอาดได้โอเค แต่พอเช็ดรอบๆ ดวงตา
ตัวนี้สำหรับอ๊อฟแสบตา ไม่แฮปปี้เท่าไหร่ เลยไม่ค่อยหยิบมาใช้ แต่ลิปเค้าใช้ดีจริง
ให้ 6/10 คะแนน ( 200 ml / 259 Baht) อ๊อฟซื้อที่ Konvy
Ganier Micellar Cleansing Water Pure Active เป็นคลีนซิ่งที่ถูกและดีอีกตัวนึงที่ต้องซื้อซ้ำตลอด
ขวดสีฟ้าเป็นสูตรเพื่อผิวผสมถึงผิวมันโดยเฉพาะ ไม่มีน้ำหอม แต่ว่ามีแอลกอฮอลล์นะจ๊ะ ชอบตรงไม่มีกลิ่น
อารมณ์เหมือนใช้น้ำเปล่าเช็ดหน้า แต่สะอาดกว่ากันเยอะเลย ช่วยจัดการสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน
สาเหตุหลักของสิวได้ดีอีกด้วย เป็นคลีนซิ่งที่เช็ดรองพื้น ลิปสติก ออกมาได้ดีมาก ถ้าเป็นเมคอัพกันน้ำ
หยดคลีนซิ่งลงบนสำลีแล้วโปะทิ้งไว้ไม่ต้องออกแรงถูพวกคราบอายไลเนอร์ก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
ส่วนตัวอ๊อฟรู้สึกว่าดูดเมคอัพออกมาได้ดีกว่ายี่ห้ออื่นๆ เช็ดเสร็จ ผิวหน้าไม่แห้งตึง ไม่แสบตา
ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ต้องล้างหน้าซ้ำ ราคาน่ารัก ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ซื้อเถอะไม่ผิดหวัง
ให้ 10/10 คะแนน ( 400 ml. ราคา 249 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ Watsons
VIS PLANTIS Herbal Vital Care Micellar Gel with Cornflower Extract and Panthenol คลีนซิ่งเจล
ไมเซลล่าร์ที่มีส่วนผสมของดอกคอร์ฟลาวเวอร์และแพนทีนอลจากประเทศโปแลนด์ เป็นผลิตภัณฑ์
เช็ดทำความสะอาดใบหน้า สูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม อ่อนโยนต่อผิว สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอาง
ได้ดีพอสมควร โดยที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ตัวนี้เช็ดแล้วไม่ต้องล้างออก ถึงจะเป็นคลีนซิ่งเจลแต่ก็ไม่ทำให้
เหนอะหนะผิว เช็ดแล้วไม่แสบตา แต่ราคาแรงอยู่เหมือนกัน หมดแล้วคงไม่ซื้อต่อ
ให้ 6.5/10 คะแนน ( 500 ml ราคาขวดละ 1,190 บาท) ทางแบรนด์ส่งมาให้ค่ะ
Pond’s White Beauty Brightening Micellar Water ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้า รอบดวงตา
และริมฝีปาก เค้าบอกว่าตัวนี้มีวิตามินบี 3 ที่ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสทุกครั้งหลังใช้ ไม่มีพาราเบน แอลกอฮอลล์
และน้ำหอม เหมาะกับทุกสภาพผิว เอาจริงๆ ตอนแรกที่ซื้อมาคิดว่าคงงั้นๆ แต่ไม่เลย เช็ดพวกเครื่องสำอางต่างๆ
ได้ดี แถมยังไม่แสบตา เช็ดแล้วสบายผิว จับแล้วผิวยังนุ่มไม่แห้งสาก ถามว่าเช็ดแล้วผิวมันไบรท์ขึ้นมั้ย
ก็สว่างขึ้นนะคงเพราะเช็ดเอาเมคอัพออกไป หน้าเลยดูใสขึ้น
ให้ 8.5/10 คะแนน ( 100 ml ราคาขวดละ 89 บาท) อ๊อฟซื้อที่ 7/11
NIVEA White Oil Control Make up Clear Micellar Water คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางสูตรน้ำ
ไม่มีแอลกอฮอลล์ เป็นสูตรใหม่ที่ทางแบรนด์เคลมว่าเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางกันน้ำได้
สามารถดูดจับเมคอัพที่ติดทน เช่น อายไลเนอร์ หรือเครื่องสำอางกันน้ำ ถึงจะปรับสูตรมาใหม่เเล้ว
เเต่อ๊อฟก็ยังรู้สึกเฉยๆ คิดว่าเหมาะกับคนที่ไม่ได้เเต่งหน้าจัดมาก แต่งใสๆ เบาๆ ถ้าแต่งแบบจัดเต็ม
อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เช็ดแล้วบางครั้งมีแสบผิว แสบตาเล็กน้อย
ให้ 7/10 คะแนน ( 125 ml ราคาขวดละ 99 บาท) อ๊อฟซื้อที่ 7/11
Bifesta Cleansing Water Sebum สำหรับผิวผสม – ผิวมัน เป็นคลีนซิ่งยี่ห้อแรกๆ ที่ซื้อมาเช็ดเครื่องสำอาง
ตัวนี้ปราศจากแอลกอฮอล์น้ำหอม สี น้ำมัน และสารกันเสียชนิดพาราเบน ช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตัน
ในรูขุมขน พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยสาร Hyaluronate และกระชับรูขุมขนด้วยสารสกัดจากชาเขียว
แน่นอนว่าทำหน้าที่เช็ดคสอ. ได้สะอาดดีเลยแหละ ไม่ระคายเคือง สะอาดสบายผิว ทิ้งความหนึบไว้ที่ผิวเล็กน้อย
เช็ดรอบดวงตาไม่แสบ ส่วนตัวอ๊อฟชอบซื้อแบบรีฟีลมาเติมเพราะประหยัดกว่า
ให้ 8.5/10 คะแนน ( 90 ml ราคาขวดละ 99 บาท) อ๊อฟซื้อที่ 7/11
Dior Hydra Life Balancing Hydration 2 in 1 Sorbet Water เรียกว่าคลีนซิ่งก็คงจะไม่ใช่ซะทีเดียว
สำหรับตัวนี้ออกแนวโทนเนอร์เช็ดทำความสะอาดและบำรุงผิวมากกว่า ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
ผิวแห้งหยาบกร้าน ไม่มีพาราเบนหรือซัลเฟต ซึ่งจะบอกว่ากลิ่นหอมและให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก
นอกจากตอนเช้าจะใช้ปรับสภาพและสมดุลผิวแล้ว ตอนเย็นยังใช้เช็ดทำความสะอาดผิวได้ด้วย
ส่วนตัวคิดว่าทำหน้าที่ได้ดีในเรื่องความชุ่มชื่นมากกว่าการทำความสะอาดผิว
เหมาะกับเป็นสกินแคร์ที่เติมน้ำในผิวมากกว่า
ให้ 8/10 คะแนน ( 175 ml ) ทางแบรนด์ให้มาค่ะ
L’Oreal 3-in-1 Micellar Water ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นคลีนซิ่งที่ 3 in 1 ในขวดเดียวเป็นทั้งคลีนซิ่ง
รีมูฟเวอร์และบำรุงผิว เป็นสูตรอ่อนโยนต่อผิวไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์
มอบความชุ่มชื่นแก่ผิวโดยไม่ทิ้งความแห้งตึง ตัวนี้เหมือนเป็นฝาแฝดกับการ์นิเย่ ความรู้สึกหลังใช้คือ
ให้ผิวชุ่มชื่น และเหนอะหนะหนึบผิวนิดหน่อย คนผิวมันน่าจะไม่ชอบ แต่พอล้างด้วยน้ำเปล่าแล้วไม่แห้งตึง
ไม่แสบผิวรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนต่อผิว เช็ดแล้วไม่ฝืด ไม่สากหน้า ถ้ามีโปรก็จะซื้อตุนอีก
ให้ 8.5/10 คะแนน ( 400 ml ราคาขวดละ 299 บาท) อ๊อฟซื้อที่ Tesco Lotus
beauty cottage aloe vera cleansing water เป็นคลีนซิ่งอีกตัวที่คุณภาพดีเกินคาด
เคยเป็นหนึ่งในสกินแคร์หรือขั้นตอนดูแลผิวของอ๊อฟสำหรับคลีนซิ่ง ซึ่งตัวนี้ไม่มีสารกันเสีย ไม่ทดสอบ
กับสัตว์ ไม่มีส่วมผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เช็ดเมคอัพและทำความสำอางหลุดได้ค่อนข้างดี
แต่ต้องใช้ชุ่มๆ นิดนึงนะโดยรวมเป็นคลีนซิ่งที่เช็ดแล้วสบายผิวไม่เหนอะหนะผิว
แต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คาดว่าน่าจะเป็นกลิ่นของส่วนผสม
ให้ 8/10 คะแนน ( 300 ml ราคาขวดละ 207 บาท) อ๊อฟซื้อที่ Top Supermarket
Collection Makeup Remover Cleansing Water เมคอัพรีมูฟเวอร์เคล็นซิ่งวอเตอร์ สูตรน้ำที่ทำความสะอาด
เครื่องสำอางบนใบหน้า ริมฝีปากและผิวรอบดวงตา ได้อย่างหมดจด โดยไม่จำเป็นต้องล้างน้ำซ้ำ
อ่อนโยนต่อผิว ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์เหมาะทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบาง ซื้อมาเพราะราคาเย้ายวนใจ
ซื้อ1 แถม 1 แต่ใช้แล้วถ้าเทียบก็เปลืองสำลีกว่าคลีนซิ่งตัวอื่นเพราะต้องใช้ในปริมาณที่เยอะกว่า
ถึงจะเช็ดออกหมด แต่ใช้แล้วไม่แพ้ไม่ระคายเคือง ไม่แสบผิว แต่มีแสบตาบ้างเล็กน้อย
เอาเป็นว่าเหมาะกับคนงบน้อย ถ้าเทียบกับราคาก็คุ้มอยู่
ให้ 8.5/10 คะแนน ( 250 ml แพคคู่ 299 บาท) อ๊อฟซื้อที่ Konvy
NU Formula Mineral Cleansing Water ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าสูตรน้ำแร่บริสุทธิ์
ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ไม่มีน้ำหอม ส่วนประกอบของน้ำมัน พาราเบนและแอลกอฮอลล์
เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย เห็นกระแสรีวิวดีมาก เลยไปซื้อมาใช้บ้าง ปรากฎว่าดีจริงแฮะ
เช็ดเครื่องสำอางออกมาได้ดีมว๊าก แถมยังไม่แสบตาและระคายเคืองผิวอีก หลังเช็ดหน้าก็ไม่แห้งตึง
รู้สึกผิวสะอาดสดชื่นดี คือถ้าใครใช้ตัวไหนแล้วเช็ดไม่สะอาดหรือว่าแพ้ ลองมาใช้ตัวนี้ดู
ให้ 9.5/10 คะแนน ( 510 ml. ราคา 475 บาท ) อ๊อฟซื้อที่ konvy
สวัสดีค่ะ หลังจากที่กระทู้มาส์ก 40 ชิ้นที่อ๊อฟรีวิวไปได้รับฟีดแบคดีมาก พอหันไปดูลิปบาล์มบนโต๊ะเครื่องแป้ง
ในลิ้นชักหรือตามห้องนอนก็ต้องตกใจว่าทำไมตัวเองมีลิปบาล์มบำรุงปากเยอะขนาดนี้ ซื้อมาเรื่อยๆ
อันไหนน่าลองก็ซื้อมาลอง จากคนที่เคยปากแห้ง ปากลอก แกะจนเลือดซิบ ตอนนี้ปากไม่แห้งหรือแตกแล้ว
เพราะติดลิปบาล์มหรือการบำรุงริมฝีปากมาก ต้องทาทุกวัน ต้องโบกทุกคืน
วันนี้อ๊อฟเลยจะมารีวิวลิปบาล์มในกรุของตัวเอง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับสาวๆ ที่กำลังมองหาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก
เหมือนเคยค่ะ อ๊อฟจะไม่ได้เรียงว่าตัวไหนดีที่สุด ความรู้สึกหลังใช้มาจากความรู้สึกส่วนตัวของอ๊อฟล้วนๆ
มีทั้งถูกและแพง มีทั้งข้อดีและข้อเสียบ้างปะปนกันไป จะมียี่ห้อไหนบ้างไปดูกันเล๊ยยย
NIVEA Lip Butter Blueberry Blush เป็นลิปบัตเตอร์ที่หอมน่ากินมว๊าก กลิ่นออกแนวลูกอมซูกัสรสบลูเบอรี่
คือหวานหอมมากอะ เรื่องความชุ่มชื้นโอเคระดับนึงแต่ไม่ได้ให้ความชุ่มชื่นทั้งวันนะ ประมาณ 3-4 ชม.
ก็ต้องหยิบมาทาใหม่ ตัวนี้อ๊อฟชอบหยิบมาทาระหว่างวัน นอกจากตลับน่ารักพกพาง่ายก็กลิ่นนี่แหละที่ชอบมาก
ราคา 159 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อที่ 7/11)
สีผึ้งแม่เลียบ ถูกและดียังมีในโลก ถ้าปากแห้งปากเยินจากไหนมาต้องมาจบที่ตัวนี้ หลายๆ คนอาจจะไม่ชอบกลิ่น
เพราะกลิ่นของมันจะออกแนวน้ำอบ น้ำปรุงอะไรประมาณนี้ ทากลางคืนเวลาได้กลิ่นอาจจะหลอนได้
แต่เรื่องบำรุงต้องยกให้นะ เนื้อสีผึ้งหนึบมาก โบกไว้ก่อนนอน ตื่นเช้ามาใช้แปรงสีฟันขัดๆ ถูๆ ปากเนียนทันที
ราคา 25 บาท ให้ 9/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากร้านขายยากรุงเทพ)
ลิปมันเภสัช อีกตัวที่ถูกและดีเชื่อว่าอย่างน้อยทุกคนต้องเคยใช้ เป็นลิปมันที่บำรุงและความชุ่มชื่นได้ดีมาก
เรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋ว เนื้อลิปเป็นสีชมพู ทาออกมาจะออกสีชมพูระเรื่อๆ ควรมีพกติดไว้เป็นยาสามัญประจำบ้าน
ราคา 15 บาท ให้ 9/10 คะแนน (ซื้อได้ที่ 7 หรือร้านขายยา)
Skin plants Shea Butter Soft เป็นลิปบัตเตอร์เข้มข้น 100% มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่เรื่องความชุ่มชื่น
สำหรับอ๊อฟไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทาแล้วเหมือนเคลือบปากไว้เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกถึงความชุ่มชื้นอะไร
น้ำตาจะไหลเพราะราคาแพงมาก เลยหยิบมาทาแค่ข้อศอกหรือหัวเข่าค่อยคุ้มค่าหน่อย
ราคา 500 บาท ให้ 5/10 คะแนน (ซื้อมานานแล้วค่ะ จำไม่ได้ว่าซื้อที่ไหน)
Ira Natural Lip Balm Hokkaido Milk ลิปบาล์มกลิ่นนมฮอกไกโด กลิ่นหอมนมมากกก ก.ไก่ร้อยตัว
ชอบอยากให้มีรสชาติด้วยจะได้กินไปเลย ทาแล้วเหมือนได้กินนมอัดเม็ด เนื้อลิปบาล์มค่อนข้างเหลว
ไม่มีสี ไม่วาว ให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก ทาแล้วปากเนียนนุ่มเบาสบายปาก ทาลิปทับแล้วไม่เป็นคราบ
ราคา 120 บาท ให้ 8/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อที่ Konvy)
Cocos Coconut Balm ลิปบาล์มมะพร้าวแบรนด์ของคนไทย ถ้าใครที่ชอบกลิ่นมะพร้าวต้องยกให้ตัวนี้เลย
ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน ไม่มี mineral oil และ Cruelty free คนที่แพ้ง่ายใช้ได้
แฟนอ๊อฟชอบมาก ชอบขโมยของอ๊อฟไปทาบ่อยๆ ทาแล้วปากไม่มันเหมือนทาวาสลีน แต่ให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก
ราคา 110 บาท ให้ 9/10 คะแนน (หาซื้อได้ที่ facebook : Buarada )
Cute Press Alice In Wonderland Tint Balm #White Rabbit ลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก
ลาย Alice in Wonderland ซื้อเพราะแพคเกจเลยนะเนี่ย อ๊อฟเลือกตัวสีใสมา มีกลิ่นหอมมะพร้าวอ่อนๆ
ทาแล้วปากเนียนนุ่มดี ไม่เหนอะหนะ ให้ความชุ่มชื้นระดับกลางๆ แพ้ความน่ารักมากกว่า
ราคา 149 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก 7/11)
Belif Sugar Coat Lip Balm เป็นลิปบาล์มใสๆ มีกลิ่นหอมเลม่อนอ่อนๆ ตัวนี้ทาแล้วปากมันวาวเหมือนมีน้ำตาล
เคลือบที่ริมฝีปาก ความรู้สึกอ๊อฟว่ามันเหนอะเหนอะ เลยไม่ค่อยหยิบมาใช้เท่าไหร่ เรื่องความชุ่มชื่นรู้สึกเฉยๆ
ราคา 540 บาท ให้ 4/10 คะแนน (อ๊อฟจำไม่ได้ว่าซื้อมาจากที่ไหนตัวนี้ซื้อมานานแล้วค่ะ)
LANEIGE Lip Sleeping Mask#Berry ตัวนี้ไม่ต้องบรรยายเยอะเพราะมันดีมาก มาก มากจริงๆ
แต่ก่อนตอนทาลิปแมทปากแห้งบ่อยมาก พอมาใช้ตัวนี้ไม่แห้ง ไม่ลอกไม่เป็นขุย โบกก่อนนอน
ตื่นมาปากนุ่มมากกกก ที่สำคัญมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย
ราคา 700 บาท ให้ 10 10 10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก Konvy)
IKAKO Overnight Lipmask 100% Natural Extract ลิปมาส์กบำรุงปากสูตรเข้มข้น แบรนด์ของคนไทย
ตัวเนื้อลิปเนียนนุ่ม เนื้อลิปค่อนข้างข้นแต่ทาแล้วไม่หนักปาก ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาก่อนนอนตื่นมาปาก
ยังชุ่มชื้นอยู่เลย ตัวนี้คือดีมาก พอกหนาๆ ก่อนนอน ปากไม่แห้งเวลาทาลิปก็ไม่ตกร่อง
ราคา 200 บาท ให้ 8/10 คะแนน (ซื้อได้ที่ IG : kikakocosmetic)
Vasaline Lip Therapy #Rosy Lip ลิปทรีทเม้นท์จากวาสลีน เพราะความน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มนี้ถึงซื้อมา
ตัวนี้มีสีชมพูระเรื่อๆ และกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ตลับจิ๋วพกพาง่าย แต่ต้องใช้นิ้วควัก เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
ให้ความชุ่มชื่นนิดหน่อย เหมาะกับวันสบายๆ แต่งหน้าเบาๆ ทาระหว่างวันมากกว่า
ราคา 159 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก 7/11)
Medmaker Pure Petroleum Jelly สูตรสำหรับผิวที่ละเอียดอ่อนของทารก เป็นปิโตรเลี่ยมที่ใช้บำรุง
ได้ทุกส่วนของร่างกาย อ๊อฟว่าดีกว่าวาสลีนกระปุกเหลืองอีก เนื้อเจลใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่หนืด ไม่มันวาว
ให้ความชุ่มชื่นสูง เป็นเหมือนเจลครอบจักรวาลทาได้ทุกส่วน ควรมีติดบ้านไว้เช่นกัน
ราคา 50 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก 7/11)
Lucas Papaw Ointment เป็นบาล์มเอนกประสงค์ เนื้อข้นๆ เหลืองๆ คือตรงไหนแห้งหยิบมาทาได้หมด
ตัวนี้คือแนะนำควรต้องมี หาซื้อติดไว้เถอะไม่ผิดหวัง หน้าลอก ปากแห้ง เข่าด้าน ตาตุ่มหยาบก็ทาได้หมด
จะโบกปากหรือโบกส้นเท้าหนาๆ ก่อนนอน ตื่นมาก็นุ่มเหมือนกัน เนื้อค่อนข้างหนัก
ไม่เหมาะสำหรับทาตอนเช้า เน้นบำรุงกลางคืนคือดีมาก
ราคา 229 บาท ให้ 10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก Konvy)
Puffguin Papaw Ointment บาล์มมะละกอเอนกประสงค์สรรพคุณครอบจักรวาลเหมือน Lucas PaPaw
แต่จะไม่เหนียว ตัวนี้ไม่ใส่น้ำหอม ไม่มีสารกันบูด ผิวแพ้ง่ายบอบบางใช้ได้แน่นอน เป็นเนื้อบาล์มสีขาวขุ่นๆ
เวลาทาจะมันๆ แต่ไม่ได้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ สรรพคุณคือดีงามขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ที่นำไปใช้
ราคา 375 บาท ให้ 9/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากวัตสัน)
Pure Paw Paw Oinment บาล์มสารพัดประโยชน์ที่ทำจากมะละกอเช่นเดียวกัน กลิ่นธรรมชาติ (สีขาว)
เป็นบาล์มที่ครอบจักรวาลเช่นเดียวกัน ใช้ทาปากแห้ง ปากแตกเป็นขุย เติมความชุ่มชื่นให้กับริมฝีปาก
บรรเทาการอักเสบได้ ทาแก้ผดผื่นคัน น้ำร้อนลวก ฯลฯ เนื้อบาล์มสีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น ทาแล้วจะมันๆ ที่ผิว
ราคา 199 บาท ให้ 8/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก EVEANDBOY)
Himalaya Lip Balm ซื้อมาเพราะอยากลองของ เคยใช้ยี่ห้อนี้ที่เป็นเจลล้างหน้าแล้วแพ้
เลยขอลองกับลิปบาล์มสักหน่อยละกัน เป็นลิปบาล์มสีขาวขุ่นเนื้อลิปค่อนข้างข้น มีกลิ่นอ่อนๆ ทาแล้วรู้สึกเหมือน
เคลือบปากเอาไว้เลยไม่รู้สึกถึงความชุ่มชื่นเท่าไหร่ทาแล้วสักพักก็หายไป หรือเราจะไม่เหมาะกับยี่ห้อนึงจริงๆ T.T
ราคา 69 บาท ให้ 4/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก Konvy)
Beauty Buffet Born to Be Baby Tint Essence เป็นทิ้นที์ที่มาในรูปแบบลิปกลอส เนื้อทิ้นท์มีสีชมพูอ่อนๆ
ทาไปสักพักจะเข้มขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ค่อนข้างฉ่ำวาว เหมาะกับทาระหว่างวันมากกว่า
เรื่องความชุ่มชื่นสำหรับอ๊อฟรู้สึกเฉยๆแต่เรื่องความฉ่ำและติดทนนานต้องให้เค้าแหละ
ราคา 150 บาท ให้ 5/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อจาก Beauty Buffet Shop สาขาโลตัสรามคำแหง)
Carmex Moisturising Lip Balm #Strawberry ลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก กลิ่นสตรอเบอร์รี่ เนื้อลิปสีเหลืองขุ่นๆ
ได้กลิ่นเหมือนสตอเบอรี่ผสม กับยาหม่อง ทาแล้วเย็นปากมากกก เย็นจนแสบ แถมพอเข้าปากไม่อร่อยด้วย
รสปะแล่มๆ ทั้งมันและเย็นเลยใช้ต่อไม่ไหว เสียจุย
ราคา 89 บาท ให้ 3/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากวัตสัน)
สีผึ้งคำน่อย #สีผึ้งชมพูนุท #สีผึ้งกะทิ เป็นสีผึ้งแบรนด์ของคนไทย ถ้าพูดถึงพี่นุช สาวๆ โต๊ะเครื่องแป้งสมัยก่อน
น่าจะเคยรู้จัก หรือเคยใช้สีผึ้งของพี่เค้า จริงๆ อ๊อฟมีแบบเป็นเซต แต่ด้วยความจิ๋วริ๋วของมัน
อีกอันที่เป็นสีผึ้งเนื้อทองเลยหายไป T.T
สีผึ้งชมพูนุท – ตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นสูงมาก มีสีชมพูอ่อนๆ พอทาทิ้งเอาไว้จะเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ ๆ
พร้อมกลิ่มหอมแบบไทย ทาตัวนี้เป็นตัวแรกก่อนทาลิป ปากจะไม่แห้ง ไม่เป็นขุยหรือตกร่อง
สีผึ้งกะทิ – ตัวนี้มีกลิ่นหอมเหมือนขนมมาก เพราะเค้าทำมาจากกะทิสด เนื้อลิปจะเป็นสีเหลืองนวลๆ
ตัวนี้ใช้ทาตอนกลางคืนจะช่วยบำรุงริมฝีปากให้เนียนนุ่ม
ราคาเซ็ตละ 389 บาท ให้ 9/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากเวปของพี่นุช Nuchyshop)
BURTS & BEES Moisturizing Lip Balm #Wild Cherry ลิปบาล์มกลิ่นเชอร์รี่ แต่ทำไมอ๊อฟดมแล้วรู้สึกว่า
กลิ่นมันแปลกๆ เป็นลิปบาล์มที่ทาแล้วปากไม่มันวาวเหมือนแอบแฟนกินกล้วยทอด ให้ความชุ่มชื่นได้ดี
ทาตั้งแต่เช้าบ่ายๆ เย็นๆ ปากยังไม่แห้งเลย
ราคา 280 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อที่วัตสัน)
Lovella Organics แบรนด์ลิปบำรุง ริมฝีปากแบบออร์แกนิค 100% เป็นลิปบาล์มที่ไม่มีสีแต่มีกลิ่นหอมกุหลาบ
อ่อนๆ ตัวลิปบาล์มไม่เหนียวไม่หนืด ทาแล้วให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก ยิ่งวันไหนสวอชลิปมาเยอะๆ ปากลอก
ปากเปื่อย โบกตัวนี้ก่อนนอน ตื่นมาปากเนียนเลย เป็นอีกลิปบาล์มที่ดีที่ชอบอีกยี่ห้อนึง
ราคา 290 บาท ให้ 9/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อที่ IG : @Lovellaorganics)
Blistex Medicated Berry Balm SPF15 เป็นลิปมันที่มีกลิ่นเบอรี่ กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ทาแล้วจะเย็นๆ ที่ริมฝีปาก
แต่เย็นไม่มากเท่าไหร่ ทาแล้วไม่ทำให้ปากมันเงา ตัวนี้ทาแล้วให้ความชุ่มชื่นระดับนึงต้องเน้นทาบ่อยๆ
เพราะทาแล้วอยู่ไม่ได้นาน ชอบตรงมี spf นี่แหละ
ราคา 85 บาท ให้ 6/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากวัตสัน)
Skin plants RoseHip Lipbalm ลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากสูตรสาร สกัดจากโรสฮิปออยล์เข้มข้น
มีกลิ่นหอมคล้ายๆกับมายมินท์รสเปปเปอร์มินท์ ทาแล้วรู้สึกเย็นๆ เล็กน้อย ตัวนี้ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น
แต่ไม่เหนอหนะ เบาสบายปากทาแล้วไม่มันปาก อันนี้แฟนชอบใช้
ราคา 168 บาท ให้ 7/10 คะแนน (จำไม่ได้ว่าซื้อที่ไหน)
K.A. Lip Care #strawberry เป็นลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากกลิ่นสตอเบอรี่ กลิ่นหอมหวานมาก เรื่องความชุ่มชื้น
โอเคระดับนึงไม่ได้มากมาย ทาแล้วได้อารมณ์ปากระเรื่อๆ ธรรมชาติ ทำหายก็ไม่เสียดายอะ
เพราะหาซื้อง่าย เหมาะกับวันสบายๆ ไม่แต่งหน้า
ราคา 45 บาท ให้ 5/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก 7/11)
NIVEA Strawberry Shine Lip Care เป็นลิปที่มีสีแดงอ่อนๆ มีกลิ่นหอมสตอเบอรี่ ได้แค่ความชุ่มชื้นนิดหน่อย
แต่ยังไม่ช่วยลดปัญหาแห้งแตกลอกของปาก เอาไว้พกทาระหว่างวันหรือเติมความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากมากกว่า
ราคา 60 บาท ให้ 5/10 คะแนน (ซื้อที่โลตัสตอนลดราคา)
CLINIQUE Chubby Plump & Shine Liquid Lip Plumping Gloss #02super scarlet เป็นลิปกลอสแบบหมุน
ที่ทาแล้วเบาสบายปากมาก ทาบางๆ จะได้สีแดงระเรื่อๆ สวยแบบผู้ดี ให้ความชุ่มชื้นได้ระดับนึง
แต่ถ้าคนที่ปากแห้งมากๆ ตัวนี้ไม่พอแน่นอน เหมาะกับใช้ระหว่างวันได้ปากแบบอิ่มๆ สุขภาพดี
ราคา 800 บาท ให้ 8/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากเวป Clinique Thailand)
Mistine Boss Super Balm Lip Glow #01 ซื้อเพราะแม่อั้มนี่แหละ เป็นลิปบาล์มสีชมพูใสๆ เรื่องบำรุงอ๊อฟเฉยๆ
แต่เรื่องโทนสีต้องยอมรับว่าได้สีชมพูสวยจริงๆ เหมาะกับคนที่ไม่ได้แต่งหน้าจัดจ้านอะไร
ถ้าเน้นเรื่องบำรุงอ๊อฟว่าตัวนี้ยังไม่เท่าไหร่ ทาเอามาทาเป็นลิปมันระหว่างวันก็โอเค
ราคา 99 บาท ให้ 6/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากเวป Shopee)
Nars Orgasm After Glow Lip Balm เป็นลิปบาล์มที่แพคเกจสวยงามมว๊ากกก และเป็นเฉดสีเดียวกับบลัชออน
ยอดฮิตของนาร์สนั่นก็คือ สี Orgasm นั่นเอง เป็นลิปบาล์มที่ทาแล้วเบาสบายปากบำรุงนิดหน่อย
แต่ทาแล้วได้สีปากชมพูระเรื่อๆ มีประกายสวยงามมาก สีนี้คือมันดีมากจริงๆ
ราคา 1,090 บาท ให้ 9/10 คะแนน (ทางแบรนด์ให้มาค่ะ)
Dior Addict Lip Glow #001 Pink ไม่ต้องพูดเยอะเพราะมันดีงามมากจริงๆ ชอบทั้งแพคเกจ สี และความชุ่มชื้น
เป็นลิปที่ทำหน้าที่ได้ดีหมด สีชมพูระเรื่อๆ พออยู่บนปากคือสวยมาก เรื่องความชุ่มชื่นก็ดีสุดๆ
เนื้อลิปคือเนียนนุ่มและหอมมาก เอาเป็นว่ารู้สึกดีทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาทา
ราคา 990 บาท ให้ 10 คะแนนเต็มไปเลย (อ๊อฟซื้อใน IG : Thecosmeticsofficial)
เป็นยังไงกันบ้างคะมีตัวไหนถูกใจเพื่อนๆ กันบ้างหรือเปล่า ถ้าเกิดมีตัวไหนอยากให้อ๊อฟรีวิวหรือตัวไหนน่าใช้
ก็แนะนำอ๊อฟได้เลยนะคะ สำหรับ Blog หน้า อ๊อฟจะรวบรวมไอเท็มอะไรเด็ดๆมารีวิว
อย่าลืมติมตามและให้กำลังใจกันด้วยน้าาา
สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมาอัปเดตการทำตาสองชั้นของอ๊อฟที่ตอนนี้ผ่านมาครบ 3 เดือนแล้ว
อ๊อฟไปทำตาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2561 มาค่ะ หลังจากปรึกษาคุณหมอโบ๊ทกับคุณหมอจงมาหลายรอบ
แน่นอนว่าจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ก็ คือ ที่เดียวกับที่อ๊อฟทำจมูก นั่นก็คือ ” เรนิตา คลีนิค “ นั่นเอง
ซึ่งตอนนี้คุณหมอย้ายมาอยู่ที่ THONGLOR HAPPY CLINIC แล้วนะคะ
(สามารถคลิกที่ชื่อคลีนิคใหม่ของคุณหมอได้เลยค่า)
ซึ่งเคสของอ๊อฟ คุณหมอบอกว่าไม่ง่ายเลย เนื่องจากตาของอ๊อฟไม่มีไขมันเลย ลักษณะตาเป็นคนตาปรือ
ตาลึก ตาโบ๋ ตามีหลายชั้น ดูอิดโรยไม่สดใส แม้ว่าจะตื่นนอนแต่เช้า แต่ก็จะดูเป็นคนง่วงนอนตลอดเวลา
ดังนั้นวิธีแก้ไขตาของอ๊อฟนอกจากจะทำตาสองชั้นแล้วยังต้องเติมไขมันเพื่อทดแทนส่วนที่หายไป
โดยนำไขมันใต้ผิวหนังของตัวเองมาเติม ของอ๊อฟคุณหมอให้เลือกใช้บริเวณพุงค่ะ
การเติมเซลล์ไขมันบริเวณนี้จำเป็นต้องอาศัยทักษะและความชำนาญเป็นพิเศษ
เนื่องจากไขมันที่หายไปเป็นไขมันชั้นลึก ถ้าเติมผิดตำแหน่งมีโอกาสที่จะทำให้เกิดเป็นลำหรือก้อนที่หนังตาได้
แต่ไม่ต้องห่วงเพราะคุณหมอโบ๊ทเค้าเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก การเติมเต็มเพื่อแก้ไขตาลึก ซึ่งบางครั้งอาจต้องทำ
มากกว่าหนึ่งครั้ง เนื่องจากบางส่วนของเซลล์ไขมันอาจหายไปอันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะคะ
อ๊อฟก็ได้แต่ภาวนาว่าไขมันของอ๊อฟจะยังอยู่ครบไม่ต้องเจาะเอาที่พุงออกมาเติมอีก T.T
คุณหมอก็ทำการดีไซน์ชั้นตาและมาร์คจุดเป็นที่เรียบร้อย
ชั้นตาของอ๊อฟจะไม่ใหญ่มากเรียกว่าพอดี กำลังแต่งหน้าสวย
ชั้นตอนการทำตาสองชั้น ก็จะมีการฉีดยาชาที่ตา ถ้าถามว่าเจ็บมั้ย
เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่หรอกเพราะสักพักยาชาก็ออกฤทธิ์แล้วค่ะ
ระหว่างที่ทำตาเราจะรู้สึกตลอดเวลา สามารถพูดคุยกับคุณหมอได้ค่ะ ของอ๊อฟใช้เวลาทำเกือบ 1 ชม.
เพราะต้องมีการนำเอาไขมันที่พุงมาเติมที่เปลือกตา ดังนั้นจะใช้เวลานานกว่าทำตาสองชั้นทั่วไปค่ะ
และนี่ก็คือเจ้าก้อนไขมันจากพุงที่ผ่าออกมา ก่อนจะเอาออกมาอ๊อฟบอกคุณหมอว่า เอาออกไปเยอะๆ ได้มั้ยคะ
พอคุณหมอเอาออกมาแค่นี้ โวยวายแทบตายเพราะมันเจ็บมาก ในใจได้แต่บอกว่าเอามันไว้ที่เดิมดีแล้วค่ะคุณหมอ
ทำตาไม่เจ็บเท่าเอาไขมันออกมาจากพุงอีกนะ บอกตรงๆ T.T
แผลที่กรีดบริเวณพุงก็ไม่ได้ใหญ่มาก เล็กนิดเดียวเองค่ะ ประมาณ 1 เซน ทายาลบรอยแผลเป็นเดี๋ยวก็หาย
เอาจริงๆ นะ เจ็บพุงมากกว่าเจ็บตาอีก มันระบมที่พุง เวลาจะนั่งก็ลำบาก
ที่เรนิตา คลีนิคทำตาแบบกรีดแผลเล็ก ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องพักฟื้นนาน แถมยังอยู่ได้ถาวรอีกด้วย
สักพักตาสองชั้นของเราก็เสร็จเรียบร้อย แทบจะอดใจลุกขึ้นมารอดูกระจกไม่ไหว
หลังจากทำตาเสร็จก็จะแปะผ้าก๊อตทิ้งไว้สักพัก ระหว่างนี้ก็นอนพักตาไปก่อนเนอะ
เสร็จแล้วววว….บวมนิดเดียวเอง ที่เห็นม่วงๆ นั่นคือ รอยปากกาที่คุณหมอเขียนดีไซน์ชั้นตาไว้นะคะ
จะมีรอยม่วงแค่จุดเล็กๆ ไม่บวม ไม่ช้ำเท่าไหร่ หลังทำเสร็จจะรู้สึกตึงๆ ที่แผลเล็กน้อย
อีก 4 วัน คุณหมอก็นัดตัดไหมและทำความสะอาดแผลที่ตา ตอนตัดไหมก็ไม่เจ็บนะคะเพราะคุณหมอมือเบามาก
หลังจากทำตาครบ 1 อาทิตย์ ก็สามารถล้างหน้า เช็ดแผลได้ปกตินะคะ
ขั้นตอนการดูแลหลังทำตาของอ๊อฟก็ไม่มีอะไรเลย พยายามไม่ไปยุ่งกับตาในช่วงอาทิตย์แรก
พยายามไม่โดนน้ำ พออาทิตย์ที่สองก็เริ่มทา Hiruscar Silicone Pro ตัวนี้เค้าออกมาเหมาะกับอุบัติเหตุหรือแผล
ที่เกิดจากการศัลยกรรมมาก ยิ่งดูแลรักษาแผลเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้แผลเป็นจางไวเร็วขึ้นเท่านั้น
อ๊อฟทาเช้า-เย็น หลังอาบน้ำ ทั้งที่ตาและที่พุงค่ะ เนื้อเจลซิลิโคนใสทาแล้วเหมือนเคลือบผิว แห้งไวไม่เหนอะหนะ
และนี่ก็เป็นช่วงทำตา 2- 4 วันแรกของอ๊อฟซึ่งจะบวมมากสุดแล้ว
หลังทำตาไป 5 วัน อ๊อฟก็เริ่มแต่งหน้าถ่ายงานแล้วค่ะ เพราะมีงานรีวิวต้องส่ง ตาของอ๊อฟบวมจะบวมประมาณนี้
มีรอยช้ำที่ใต้ตาและเปลือกตาเล็กน้อย บวมหนักสุดก็จะเป็นช่วง 2-3 วันแรก หลังจากนั้นก็ยุบลงเรื่อยๆ
ถ้าวันไหนกินพวกส้มตำปูปลาร้าหรืออาหารเค็มๆ ตื่นมาก็จะตาบวมหน่อย แต่ทานน้ำเยอะๆ ก็หายค่ะ
หลังจากแต่งหน้าออกมาก็จะประมาณนี้ จะเห็นว่าแค่วันที่ 5 ตาก็ดูหวานขึ้น บางคนดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าไปทำตามา
หลังทำตาสองชั้นครบ 3 เดือน ตื่นนอนปุ๊บก็ลุกมาถ่ายปั๊บ หน้าก็จะเบลอๆ หน่อย
รอยช้ำหรือแผลแห้งสนิทแล้ว ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ตาก็ไม่ลอยเหมือนก่อน
ยังมีตาไม่เท่ากันอยู่บ้าง แต่โดยรวมไม่ค่อยบวมเท่าไหร่แล้ว อีกสัก 6 เดือนอ๊อฟว่าน่าจะยุบกำลังสวย
อ๊อฟเลยรวบรวมภาพก่อนทำและหลังทำมุมต่างๆ อันนี้เป็นมุมข้างจะเห็นว่าชั้นตาเปลี่ยนไปเลย
เอาภาพแต่งหน้าแบบเข้มๆ มาเทียบเมื่อตอนยังไม่ทำตา จะเห็นว่าแตกต่างกันม๊ากกกก
ตอนนี้ก็ทำตาครบ 3 เดือนแล้วจะบอกว่า แต่งหน้าสนุกขึ้น ชั้นตาดูคมชัดขึ้น สดใสขึ้นกว่าเก่า
จะแต่งลุคหวานหรือเซ็กซี่ก็ทำได้หมด หน้าสดก็ยังดีอะ (หัวเราะเสียงดังๆ )
สำหรับใครที่สนใจทำตา ทำจมูก เข้าไปสอบถามรายละเอียดได้ที่ทางเพจของเรนิตาเลย
หรือจะนัดเข้าไปให้คุณหมอโบ๊ทและคุณหมอจงดูก่อนก็ได้ค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่าย คุณหมอน่ารักมากจริงๆ
อย่าลืมบอกว่ามาจากอ๊อฟ iloveaday น้า มีส่วนลดแน่นอน
ตอนนี้คุณหมอเค้าย้ายมาที่ THONGLOR HAPPY CLINIC
แล้วนะคะ อย่าตามไปที่เก่าน้าาา ที่เก่าคลินิคไม่เปิดแล้วค่า

สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมารีวิวการทำ Fake Tan ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ
แล้วอ๊อฟเป็นคนผิวสองสีแต่ไม่ถึงกับคล้ำ เวลาถ่ายรูปออกมาผิวจะติดขาวๆ เหลืองๆ
ทำยังไงก็ยังดูไม่คมเข้ม สีน้ำตาลสวยๆ กับเค้าสักที
(สีผิวปกติ)
ช่วงที่โดนแดดเยอะหน่อยก็จะเข้มประมาณนี้ไม่ได้แทนเข้มเหมือนสาวเมืองนอกใน IG
ที่เวลาใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายรูปออกมาจะแทนสวยมากกกกกก
อ๊อฟเลยตัดสินใจทำผิวแทนดูสักครั้ง แบบไม่ต้องไปนอนอาบแดด เพราะถ้าให้ไปนอนอาบแดดคงไม่ไหวจริงๆ
เลยเลือกใช้โฟมเปลี่ยนสีผิวเนื้อมูสของ Le Tan fast tan (Deep Bronze) Fake Tan แบรนด์ดังของออสเตรเลีย
ที่สาวๆ สายฝ. นิยมใช้กันมาก เป็นเฟคแทนแบบเนื้อมูสที่ราคาไม่สูงมาก อ๊อฟซื้อมาในไอจีประมาณ 7- 800 บาท
สีเข้มระดับนึงเลย ขนาดทำแค่รอบเดียว ข้อดีของตัวนี้หลังจากที่อ๊อฟได้ใช้ คือ เป็นเนื้อมูส เกลี่ยง่าย
มีกลิ่นเหมือนมะพร้าว (แต่แฟนอ๊อฟบอกว่าเหม็นเวียนหัว) โทนสีก็จะออกน้ำตาลแดงๆ
ซึ่งอ๊อฟว่ากำลังสวย ตัวนี้จะอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 อาทิตย์ แล้วจะค่อยๆ หลุดลอกออกไปค่ะ
เวลาหลุดออกก็กระดำกระด่าง ดูน่าเกลียดเหมือนกัน ยิ่งผิวแห้งนะ หลุดเป็นเกล็ดๆ เลย
(หลังทำ Fake Tan)
วิธีการทำเฟคแทนด้วยตัวเองก็ไม่ยากค่ะ อ๊อฟเขียนขั้นตอนการทำมาเป็นข้อๆ ให้อ่านแล้ว
ขั้นตอนที่ 1. โกนขนบริเวณที่ต้องการทำผิวแทนเพื่อที่เวลาทำผิวจะได้ออกมาเนียนเสมอกัน
แต่ถ้าใครไม่ได้มีขนหนาๆ ดกดำหรือมีแค่ขนอ่อนๆ ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยจ้า
ขั้นตอนที่ 2 สครับหรือขัดผิวก่อนที่จะทำ ขจัดพวกเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือเสื่อมสภาพให้หลุดออกไป
โดยเฉพาะจุดหยาบกร้านต่างๆ เช่น ข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม และเท้า เพราะการสครับผิวจะทำให้ผิวเรียนเนียน
แทนเสมอกัน ส่วนตัวอ๊อฟชอบใช้กากกาแฟในการสครับผิว แอบไปเอากากกาแฟจากเมล็ดกาแฟสด
ที่แฟนบดด้วยเครื่องชงกาแฟมาขัดผิว ผสมกับขมิ้นขัดกับใยบวบ ขัดออกมาผิวเนียนผ่องเชียว
แต่ถ้าใครไม่มีกากกาแฟก็ใช้สครับที่เป็นกระปุกสำเร็จรูปตามท้องตลาดได้เหมือนกันค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 ใช้ถุงมือทำผิวแทน ข้อนี้สำคัญมากกกกก ไม่อย่างนั้นฝ่ามือของเราจะเปลี่ยนเป็น “สีส้ม” ได้
ซึ่งมันตลกมาก มันส้มแบบส้มเลย เดี่ยวเค้าจะรู้ว่าผิวเราไม่ได้แทนแบบธรรมชาติ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ขั้นตอนที่ 4 ลงสีแทนที่ขาก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มจากข้อเท้าขึ้นไปก่อน แตะบริเวณน่อง
โดยเริ่มจากบีบเนื้อมูสน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ทาเป็นวงกลม ไล่ขึ้นไป หลังจากนั้นก็ตามลำตัว แผ่นหลัง
หน้าอก แขน ลำคอ ถ้ามีคนทาให้จะดีมากๆๆ เพราะมีบางที่ที่เราทาไม่ถึง อย่างเช่น แผ่นหลัง เป็นต้น
ข้อควรระวัง ควรเว้นพวกข้อเท้า ข้อศอก ข้อมือ และข้อต่อของนิ้วไว้ บริเวณนี้เราจะทาแค่นิดเดียว
เอาแค่เนื้อมูสที่ติดมากับถุงมือหลังจากทาตัวเสร็จ ป้ายเบาๆ เพราะบริเวณนั้น ผิวจะแห้งเป็นพิเศษ
จะทำให้ผิวสีแทนติดได้ดีขึ้น ดังนั้นทาแค่จางๆ บางๆ เบาๆ ก็พอคงไม่ดีแน่ถ้าข้อศอก ข้อเท้า ตาตุ่มออกมาดำปี๋
(หลังทำ Fake Tan)
ขั้นตอนที่ 5 ลงสีแทนที่ใบหน้าและลำคอด้วย ขั้นตอนนี้อ๊อฟจะลงแค่บางๆ เท่านั้นค่ะ
เพราะใบหน้าคล้ำง่ายอยู่แล้ว ลูบๆ บางๆ ทั่วใบหน้าและลำคอ อย่าลืมทาที่บริเวณหลังคอและใบหูด้วยนะคะ
ถ้าใครกลัวหน้าจะดำไป เลือกใช้รองพื้นที่มีสีเข้มแทนก็ได้ค่ะ
เคล็ดลับของอ๊อฟคือ อ๊อฟเลือกทำก่อนนอนค่ะ เปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ เพราะการทำผิวแทนนั้นควรทำในขณะที่ตัวแห้ง
ไม่ควรมีเหงื่อ เดี๋ยวผิวจะกระดำกระด่าง เดินแก้ผ้าโป๊รอบห้องไปก่อน 1 ชม. หลังจากนั้นก็ใส่ชุดนอนสบายๆ
แล้วนอนได้เลย ตื่นมาก็จะได้ผิวสีแทนสวยสมใจ ไม่เลอะเทอะติดเสื้อผ้าด้วย
ตื่นขึ้นมาก็อาบน้ำปกติแล้วทาโลชั่นบำรุงผิว อ๊อฟเป็นคนผิวแห้งเลยเลือกใช้โลชั่นของเจอร์เกนส์
ชอบสูตรนี้มากเพราะมีกลิ่นหอมมะพร้าว บำรุงผิวให้ทั่ว หลังจากนั้นทาครีมกันแดด
แล้วเตรียมเสื้อผ้าออกไปเฉิดฉายได้เลย
(หลังทำ Fake Tan)
พอผิวแทนแล้ว ถ่ายรูปออกมาก็สวยสมใจ พวกไลน์กล้ามเนื้อที่เราออกกำลังกายมาก็ดูชัดขึ้นกว่าเก่าด้วย
(หลังทำ Fake Tan)
ลองแต่งหน้าเป็นสายฝ. ถ่ายรูปออกมาก็ขึ้นกล้องสมใจ ส่วนตัวอ๊อฟจะทำเฉพาะเวลาไปเที่ยวทะเลเท่านั้นค่ะ
พอกลับมากรุงเทพฯ ก็ปล่อยผิวเป็นปกติ สำหรับรีวิวหน้าจะเป็นอะไร ไอเท็มไหนดี ไหนเด็ด
อย่าลืมติดตามกันด้วยน้าาา
สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมารีวิวประสบการณ์เลเซอร์ขนน้องสาวแบบ Whole Bikini เล่าแบบหมดเปลือก
ที่ไปทำมาที่ Apex Profound Beauty หลายคนสงสัยว่าทำไมอ๊อฟต้องแนะนำให้คุณแม่ พี่สาวแฟนหรือเพื่อน
แม้กระทั่งแฟนเพจ หรือคนรู้จักให้มาทำเลเซอร์ที่นี่ ย้อนกลับไปเมื่อสามสี่ปีก่อน ตอนนั้นอ๊อฟเริ่มหาข้อมูล
รีวิวจากอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการกำจัดขนรักแร้ด้วยเลเซอร์ เนื่องจากสมัยก่อนอ๊อฟใช้แหนบถอนขนรักแร้
ถอนจนตาแทบเหล่ หันไปถอนจนปวดคอ ขนรักแร้ของอ๊อฟ รูนึงนี่งอกมา 3-4 เส้นได้ แถมบางเส้นเป็นขนคุด
ไม่งอกออกมา อ๊อฟก็ไปเอาเข็มมาสะกิดให้ขนมันโผล่แล้วจึงค่อยถอน ทำแบบนี้แทบวันเว้นวันเพราะขนรักแร้
มันขึ้นเร็วมาก ถอนจนรักแร้ช้ำมีสีม่วงคล้ำและช้ำไปหมด พอเห็นสภาพรักแร้ตัวเองก็คิดได้ว่าถ้ายังถอนแบบนี้
ต่อไปคงไม่มีโอกาสได้ใส่สายเดี่ยว เกาะอกหรือเสื้อแขนกุดเหมือนกับคนอื่นแน่ๆ
จึงตัดสินใจเข้ามารับบริการกับทางเอเปกซ์เพราะเห็นโฆษณาในเฟสบุ๊ค รู้สึกตอนนั้นทางเอเปกซ์เค้าจะมี
โปรโมชั่นเลเซอร์ขนรักแร้ 8 ครั้ง ราคาประมาณ 9,000 บาท อ๊อฟเลยตัดสินใจรูดบัตรเครดิตครั้งแรก
ในการเข้ารับบริการพวกคลีนิคเสริมความงาม เป็นการรูดที่มือไม้สั่นมาก สมัยก่อนเงินหมื่นสำหรับอ๊อฟ
มันเยอะมาก ดีนะตอนนั้นมีโปรโมชั่นที่ผ่อนได้ 10 เดือน ทำมาจนครบคอร์สขนรักแร้อ๊อฟไม่ขึ้นอีกเลย
จนมาถึงทุกวันนี้ขึ้นเต็มที่ก็แค่ขนบางๆ ไม่เกินเส้นสองเส้น เลยประทับใจและใช้บริการมาเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะหนวด ขนแขน ขนขาหรือขนที่บริเวณใบหน้า จนทางเอเปกซ์เค้าชวนมาทำเลเซอร์ขน
น้องสาวนี่แหละ เพราะเป็นส่วนเดียวที่มีขนเหลืออยู่
คือ ก่อนตัดสินใจจะเลเซอร์ขนน้องสาวก็คิดอยู่นานว่าจะทำไปทำไม มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรอ
แต่พออ่านรีวิวคนโน้นคนนี้บอกว่าทำแล้วดี ยิ่งช่วงมีประจำเดือน ผู้หญิงเราจะรู้สึกว่าน้องสาวไม่สะอาด
มีกลิ่นไม่พึงประสงค์รู้สึกเปียกอับชื้นอยู่ตลอดเวลา ก็เลยตัดสินใจ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ไหนๆ ร่างกาย
ก็แทบจะไร้ขนอยู่แล้ว ตรงนั้นจะเก็บไว้ทำไม ไม่ต้องมีก็ได้เนอะ
อ๊อฟทำที่ APEX สาขารามอินทรา อยู่ใกล้ๆ พรอมมานาด ซึ่งเดินทางมาจากบ้านอ๊อฟไม่ไกลเลย
สะดวกมากใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึง แถมไม่ได้อยู่บนห้าง ไม่ต้องวนหาที่จอดรถ ไม่วุ่นวายดี
ถ้าจะกำจัดขนอ๊อฟแนะนำเลยต้อง YAG LASER เท่านั้น ใครทำเลเซอร์ที่อื่นมาไม่เห็นผล อยากให้มาลองที่นี่
ตอนแรกจ่ายไปก็คิดว่าแพงจะคุ้มกับเงินที่เสียไปหรือเปล่า พอจบคอร์สถึงเข้าใจว่า
เออ…มันคุ้มจริงๆ เพราะขนแทบไม่ขึ้นอีกเลยตอนนี้ก็สามสี่ปีแล้ว ขนขึ้นใหม่ก็บางและน้อยมากกกกก
แต่ของคุณแม่แฟนอ๊อฟขนดกมาก มาก มากและมาก เคยเห็นรักแร้แล้วตกใจพาแกไปทำ
ยิงจนใกล้ครบคอร์สแล้วก็ยังไม่หมดเกลี้ยงเหมือนอ๊อฟ แต่น้อยและบางลงกว่าเดิม
ซึ่งต้องทำต่อไปอีกเกิน 8 ครั้ง กรณีนี้อ๊อฟว่าขึ้นอยู่กับเส้นขนของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ
เลเซอร์กำจัดขน (Laser Hair Removal) จะส่งพลังงานความร้อนผ่านลำแสงไปที่เส้นขน โดยรากขนระยะ
ที่โตเต็มที่ จะมีเซลล์เม็ดสีซึ่งสามารถดูดซับพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ได้ เมื่อเซลล์รากขนดูดซับความร้อน
ในระดับหนึ่ง รากขนจะฝ่อตัวลง และหยุดการเจริญเติบโต ในการยิงแต่ละครั้งจะมีการปรับพลังงานให้เหมาะสม
ตามแต่ละสีผิวซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การกำจัดขนด้วยเลเซอร์มีประสิทธิภาพสูงสุด
ซึ่งเจ้าเลเซอร์ YAG เนี่ยจะจับเม็ดสีเข้มได้ดีมากYAG Laser เป็นเลเซอร์ที่มีสามารถทำลายรากขนได้ดีและมี
ประสิทธิภาพเหมาะสำหรับคนทุกสีผิว โดยไม่ทำลายผิวหนังบริเวณข้างเคียงระหว่างการยิง
เรียกได้ว่ารอยไหม้ รอยเบิร์นระหว่างการยิงแทบไม่มีเลย
วิชาการมาเยอะ คราวนี้มาฟังประสบการณ์เน้นๆ กันดีกว่าเนอะ ตอนไปทำเนี่ยเราไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับขนเลย
ไม่ต้องอายว่าขนจะดกดำ ยุ่งฟูหรือรกรุงรัง ปล่อยเอาไว้แบบนั้นแหละ ไม่ต้องอาย นอนกดๆ มือถือไปแป๊ปเดียว
เงยหน้ามาก็เสร็จแล้ว มาถึงขั้นตอนแรกพี่เค้าจะจัดการโกนขนให้เอง ของอ๊อฟเอาออกทั้งหมด
เรียกได้ว่าโกนแบบเกลี้ยงเกลาเลยแหละ ทุกซอกทุกมุม หลังจากนั้นแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 40 – 60 นาที
ถ้าใครสตรองไม่ต้องแปะยาชาก็ได้นะ เพราะค่าแปะยาชาจะไม่รวมกับค่าเลเซอร์ ถ้าใช้ยาชาที่คลีนิคจะเสียเงิน
ครั้งละ 500 บาท แต่ทางคลีนิคแนะนำว่าให้ไปซื้อยาชาข้างนอก รู้สึกจะชื่อว่า EMLA Cream 5% ข้างนอกราคา
มันจะมาณ 600-800 บาท ซึ่งใช้ได้ 2-3 ครั้งเลย จะคุ้มกว่ามาเสียค่ายาชากับทางคลีนิคเป็นรายครั้ง
อ๊อฟเคยยิงทั้งแปะยาชาและไม่แปะยาชา จะบอกว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก หลังๆ อ๊อฟไม่แปะเลย
ไม่ได้งกนะ 555 แต่ไม่อยากมานอนรอแปะยาชานานเป็นชม. ไหนๆ ก็เจ็บเหมือนกัน
กัดฟันอดทนแปปเดียวก็เสร็จแล้ว T.T (ใครไม่สตรองไม่แนะนำเด้อ)
หลังจากนั้นพี่เค้าก็จะโปะเจลเย็นๆ เพื่อประคบให้เรา ยิ่งเย็นยิ่งดีเพราะเราจะรู้สึกชาและเจ็บน้อยลง
อ๊อฟนี่พอยิงไปรีเควสเจลเย็นเพิ่มเลย ได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ
” ถ้าให้บอกความรู้สึกมันจะเหมือนคนเอาหนังสติ๊กมายิงตรงนั้นซ้ำไปซ้ำมา ยิงเหมือนโกรธแค้นอะไรมา
ยังไงยังงั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่ามันจะดีดๆ ร้อนๆ เจ็บๆ แปลบๆ ก็เจ็บอะแหละมายิงทุกครั้งก็เจ็บทุกครั้ง
แต่ถามว่าทนได้มั้ยก็ทนได้นะ ไม่ได้เจ็บถึงขนาดทนไม่ไหว ระหว่างยิงก็ขาหงิกขางอ มือเท้าเกร็งกันไป
พี่พนักงานก็น่ารักมาก จะมานวดขา บีบขา ชวนคุยเบี่ยงเบนความสนใจให้เราไม่รู้สึกเจ็บ
ถามว่าได้ผลมั้ย….ม่ายยยยยยยยยยย ยังเจ็บอยู่เหมือนเดิมแต่รู้สึกดี (ยิ้ม)
เราจะยิงกันทั้งหมด 2 รอบ รอบที่ 1 ยิงจนทั่วแล้วรอบที่ 2 มาเน้นเก็บรายละเอียดอีกที
ซึ่งใช้เวลาไม่นานค่ะ 15 -20 นาทีก็เรียบร้อย สำหรับการทำเลเซอร์กำจัดขนน้องสาว “
หลังจากยิงเสร็จพี่เค้าก็จะทายาให้ กลับมาบ้านก็ไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษแค่งดใช้สบู่
หรืออะไรที่เป็นกรดเท่านั้นเอง สำหรับอ๊อฟยิงเสร็จมันก็จะแดงๆ เจ็บๆ ระบมนิดหน่อย
แต่ไม่มีอาการแสบร้อนหรือว่าผิวไหม้จากการยิง ซึ่งวันสองวันรอยแดงหรืออาการเจ็บก็จะหายไปเอง
แต่หลังยิงเลเซอร์ผิวจะแห้งขึ้นและลอกเป็นขุยได้ ไม่ได้เฉพาะน้องสาว แขนขาอ๊อฟยิงมาผิวก็แห้งมากกว่าเดิม
ดังนั้นหลังทำเลเซอร์ประมาณ 1 – 3 วัน ควรใช้ครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
ปล. แต่ตรงนั้นอ๊อฟไม่ได้ทาครีมอะไรนะ ปล่อยฟรีสไตล์
มาถึงตรงนี้แล้ว รู้นะคิดอะไรอยู่ ใครอยากดู Before และ After
ให้ดูรูปเงาะไปก่อนเนอะ อารมณ์คล้ายๆ กัน
“สรุปคือ อ๊อฟทำมาทั้งหมด 7 ครั้งแล้ว เหลือแค่อีกครั้งเดียวก็จะครบคอร์ส คือ ตั้งแต่ครั้งที่ 3
ขนน้องสาวของอ๊อฟก็ขึ้นมาน้อยมากแถมเส้นขนก็บางลงไม่แข็งเหมือนก่อน มีความเรียบเนียนขึ้น
และรู้สึกสะอาดสบายไม่อับชื้น ช่วงแรกก็จะโล่งๆ แต่หลังๆ บอกเลยว่าชิน เหมือนกลับไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง
ยิ่งวันนั้นของเดือนนะ ไม่มีกลิ่นอับเลย ดูแลรักษาทำความสะอาดง่าย…คือ ถ้ารู้ว่าดีแบบนี้รู้งี้ทำนานแล้ว “
ถ้าใครกำลังหาข้อมูลกำจัดขนจะทำไม่ว่าจะเป็น Bikini Line หรือ Whole Bikini แบบอ๊อฟหรือจะเป็นหนวด
ขนแขน ขนขาอ๊อฟแนะนำว่าทำเลยมันดีมากกกก ส่วนขนตรงนั้นรวบรวมความกล้า ฮึบนึง ไม่ต้องอาย
เพราะพี่พนักงานที่ยิงเลเซอร์เป็นผู้หญิงทั้งหมดเลยถ้าอายก็ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือไปเหมือนอ๊อฟ
ปล่อยตัวตามสบายไม่ต้องเกร็งมาถึงจุดนี้แล้ว มันเป็นเรื่องของสุขอนามัยเนอะ
ถ้าใครสนใจก็ลองเชคโปรโมชั่นกับทาง APEX PROFOUND BEAUTY ดูนะคะ
เค้ามีโปร ออกมาเรื่อยๆ ส่วนรีวิวหน้าจะมาแชร์ประสบการณ์อะไรอีก อย่าลืมติดตามกันน้าาาา
https://www.facebook.com/ApexProfoundBeauty/
สอบถามเพิ่มเติมที่ไลน์@ คลิก
http://line.me/ti/p/%40apexbeauty
ผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาหนักอกหนักใจของใครหลายคน ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้ชายที่กังวลเท่านั้น
แต่ผู้หญิงที่ผมยาวๆ ผมหนาๆ อย่างเราก็กังวัลไม่แพ้กัน ไม่ว่าทำทรีทเม้นท์
อบไอน้ำหรือสปาผม อ๊อฟก็ทำมาแทบจะหมดแล้วทั้งนั้น แต่ผมก็ยังไม่หยุดร่วงสักที จริงๆ ก็ปรึกษาคนรอบข้าง
เกี่ยวกับเรื่องผมร่วง มีทั้งให้ตัดผมสั้นบ้าง ใช้เซรั่มบ้าง หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติบ้าง
และทันทีก็คิดได้ว่าสมุนไพรธรรมชาติของเรานี่แหละ ที่จะแก้ผมร่วง ผมบาง ของเราได้ดีที่สุด
วันนี้อ๊อฟเลยจะมารีวิวแชมพูที่อ๊อฟได้มาลอง เค้าบอกว่าเหมาะสำหรับผมอ่อนแอขาดหลุดร่วง
นั่นก็คือแบรนด์ FALLES นั่นเอง ซึ่งตัวแชมพูมีทั้งหมด 2 สูตร ด้วยกัน
1. FALLES Hair Reviving Shampoo Healthy & Strong formula สำหรับผมร่วง (สูตรสำหรับผมธรรมดา-ผมมัน)
2. FALLES Fullness Hair Reviving Shampoo สำหรับผมแห้งขาดการบำรุง (สูตรผมหนานุ่ม)
FALLES Hair Reviving Shampoo Healthy & Strong formula สำหรับผมร่วง (สูตรสำหรับผมธรรมดา-ผมมัน)
แชมพูที่ช่วยดูแลปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะด้วยการทำความสะอาดขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน
ซึ่งเป็นสาเหตุให้รากผมอ่อนแอและเกิดอาการคันศีรษะ โดยไม่ทำลายความสมดุลและความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ
ทำให้สารอาหารเข้าไปบำรุงผม จึงทำให้เส้นผมดูมีสุขภาพดี เหมาะสำหรับผมธรรมดา – ผมมัน
FALLES Fullness Hair Reviving Shampoo สำหรับผมแห้งขาดการบำรุง (สูตรผมหนานุ่ม)
ซึ่งแชมพูสูตรนี้ก็เหมือนกับแชมพูสูตรแรกแทบจะทุกอย่าง ที่เพิ่มเข้ามานอกจากการบำรุงผมเป็นพิเศษแล้ว
ยังเพิ่มมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ผมนุ่มลื่น จัดทรงง่ายเข้ามาอีกด้วย เหมาะสำหรับผมแห้งขาดการบำรุง
ปกติเวลาเราซื้อแชมพูแพคเกจมันก็จะมาเป็นขวดอย่างเดียว แต่ฟอลเลสเค้ามีกล่องใส่ด้วย
ที่พิเศษไปกว่านั้น เค้ามีอักษรเบรลล์ทั้งบนกล่องและขวดแชมพูอีกด้วย ใส่ใจผู้บริโภคจริงๆ
อย่างที่บอกว่าฟอลเลสเค้ามีสารสกัดจากธรรมชาติ คือ น้ำมันสกัดเย็นจากผิวมะกรูด (Kaffir Lime Essence)
ซึ่งประโยชน์ของน้ำมันผิวมะกรูดสามารถช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม
ช่วยป้องกันและดูแลผมขาดหลุดร่วงทำให้ผมนุ่มลื่น
(สูตรสำหรับผมธรรมดา-ผมมัน)
ลักษณะของแชมพูจะเป็นเนื้อเจลใสๆ มีกลิ่นหอมของมะกรูด อ๊อฟว่ากลิ่นมันหอมสดชื่น
เหมือนเวลาเราเดินเข้าไปนวดแผนไทย สปา อโรมา อะไรประมาณนั้น ดูผ่อนคลายดี
แต่สระออกมาแล้ว ตอนผมแห้งกลิ่นของมะกรูดเบาบางมาก แทบจะไม่มีกลิ่นเลยต้องเข้ามาดมใกล้ๆ ถึงจะได้กลิ่น
(สูตรผมหนานุ่ม)
อีกสูตรลักษณะของแชมพูจะเป็นสีขาวขุ่น ค่อนข้างเข้มข้น มีกลิ่นหอมของมะกรูดเช่นเดียวกัน
ลักษณะผมของอ๊อฟ สมัยก่อนอ๊อฟเป็นคนผมยาว เส้นใหญ่และหนาพอสมควร แต่พออายุเพิ่มมากขึ้น
มีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน การรับประทานอาหาร หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับ
สภาพหนังศีรษะและเส้นผม ผมเคยทำสีหรือโดนสารเคมีบ่อยๆ ผมตอนนี้เลยบางลง
บางเส้นรากผมหลุดร่วงออกมาด้วย จะเห็นเป็นสีขาวจุดเล็กๆ ที่โคนผมตามภาพ
ผมร่วงทุกวันติดเสื้อผ้า ที่นอน พื้นและเวลาอาบน้ำ
ทางแบรนด์เลยให้แชมพูอ๊อฟมาทดลองใช้และรีวิวประสบการณ์หลังการใช้ 7 วัน
แต่อ๊อฟใช้ต่อไปจนครบ 14 วัน หรือสองสัปดาห์จนมาถึงทุกวันนี้ และยังใช้ตัวอื่นของเค้าเพิ่มด้วย
อ๊อฟว่า 14 วันหรือมากกว่านั้นเป็นระยะทดลองที่กำลังดี สามารถสรุปผลอะไรได้พอสมควร
ความรู้สึกหลังทดลองใช้แชมพู ส่วนตัวอ๊อฟชอบนะ อะไรที่เป็นสมุนไพรไทยหรือเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ
ฟองแชมพูก็ไม่ค่อยเยอะ ล้างออกเกลี้ยงดี ยิ่งตอนสระผมรู้สึกว่ากลิ่นของมะกรูดมันหอมสดชื่น ทำให้อารมณ์ดี
(หลังสระผม/เป่าผมธรรมดา)
หลังจากลองใช้มา 14 วัน อ๊อฟรู้สึกว่าถ้าใช้แค่แชมพูอย่างเดียว เวลาจับหรือสัมผัสเส้นผม
ผมมันจะกระด้างและแห้งไปนิดนึง คงเป็นเพราะฟอลเลสเค้าปราศจากซิลิโคน ซึ่งเจ้าซิลิโคนนี่แหละ
เป็นตัวการทำให้ตกค้างล้างออกไม่หมด ซิลิโคนก็จะเข้าไปเคลือบปิดรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตัน
บางคนสิวขึ้นตามกรอบหน้า หน้าผากหรือไรผม นอกจากนั้นยังเป็นสาเหตุให้ผมร่วงหรือผมบาง
เนื่องจากเซลล์รากผมไม่ได้รับสารอาหารรากผมจึงอ่อนแอทำให้ผมร่วงง่ายขึ้นกว่าเดิม
แต่อย่างที่บอกว่าถ้าใช้แชมพูเดี่ยวๆ จะรู้สึกว่าผมแห้งไปหน่อย ควรใช้ควบคู่กับครีมนวดของเค้าด้วย
หรือจะใช้อีกสูตรที่ช่วยเพิ่มความนุ่มลื่นและบำรุงผมเป็นพิเศษก็ได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องผมร่วงอาจจะยังไม่เห็นชัดมาก แต่ก็รู้สึกได้ว่าผมร่วงตามพื้นห้องนอน ติดตามหวี
ตามห้องน้ำ หรือตอนสระผม ร่วงน้อยลงกับตอนที่ไม่ได้ใช้แชมพู ที่เห็นได้ชัดคือ หลังสระผมเสร็จ
รู้สึกหนังศีรษะสะอาดขึ้น เบาสบายหัว ผมไม่พันกัน รู้สึกว่าผมมันน้อยลง ปกติผมจะมันเร็วมาก
แปปเดียวก็ต้องสระผมแล้วแต่พอใช้แชมพูฟอลเลสผมมันช้าลง ไม่ต้องสระผมบ่อย ชอบจริงๆ 555
สรุปๆๆๆ เป็นแชมพูแก้ผมร่วงที่ราคาน่ารัก หาซื้อง่าย ตาม 7/11 หรือบิ๊กซีแถวบ้านก็มี
(แต่ตัวแฮร์โทนิคใช้ดีมาก ทำไมไม่เอามาขายใน 7 บ้าง T.T)
ผลลัพธ์ค่อนข้างโอเค ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นผลลัพธ์และแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น
สุดท้ายนอกจากจะเลือกใช้แชมพูที่เหมาะกับเส้นผมแล้ว การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง
ยังสามารถลดอาการผมร่วง ผมบางหรือผมไม่แข็งแรงได้อีกด้วยนะคะ
#fallesdaretotry #falless #daretotry
sponsored by falles
http://www.falles.co.th/
สวัสดีค่ะ ตอนนี้ก็ผ่านสงกรานต์มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว หลายคนยังมีปัญหาหนักอกหนักใจ
เกี่ยวกับเรื่องผิว ที่ทำยังไง๊…ยังไงก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิมสักที
และอ๊อฟก็เป็นอีกคนหนึ่งที่วันสงกรานต์แอบออกไปเล่นน้ำที่ทะเล ไม่ต้องถามว่าแดดร้อนขนาดไหน
มาทะเลจะมาเล่นน้ำแบบกลัวแดดก็คงไม่สนุกเนอะ สนุกให้เต็มที่ไปก่อนแล้วค่อยมาฟื้นฟูกัน
วันนี้อ๊อฟเลยรวบรวมไอเทมดูแลผิวคล้ำเสียหลังสงกรานต์หรือหลังโดนแดดมาฝากกันค่ะ
ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่อ๊อฟใช้ส่วนมากจะมีส่วนผสมของ Aloe Vera อย่างที่รู้กันว่าผิวคล้ำเสีย
หลังโดนแดด ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยรักษารอยไหม้,ผิวไหม้
ที่เกิดจากการโดนแดด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน และยังมีประโยชน์อีกมากมาย
หลังจากที่ผิวโดนแดดจะเป็นอะไรที่ sensitive มาก ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ห้ามขัดผิว สครับผิว
หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้, ไวท์เทนนิ่ง ควรเน้นบำรุงและเติมความชุ่มชื่นให้ผิวมากๆ ก่อน
และไอเทมเด็ดๆ ที่อ๊อฟคัดแล้วว่าใช้ดี เห็นผลจริงจะมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเล๊ยยยยย
บางคนงงว่า เอ๊ะ สำลีมาเกี่ยวอะไร เพราะหลังจากที่เราโดนแดดมา ผิวหน้าของเรานอกจากจะคล้ำเสียแล้ว
บางคนอาจมีอาการแสบ อาจมีรอยไหม้ รอยแดง คนที่ผิวแพ้ง่ายก็อาจจะเกิดผดผื่น
สิวเม็ดเล็กเม็ดน้อย ดังนั้นเราจึงต้องเลือกอะไรที่อ่อนโยนและไม่ทำร้ายผิวหน้าของเรา
สำลี AIME’ ผลิตจากฝ้ายแท้บริสุทธิ์ 100% เป็นสำลีที่นุ่มมากกกก ไม่บาดหน้าเลย
กดคลีนซิ่งแค่นิดเดียวก็ทั่วแผ่นแล้ว ที่สำคัญเช็ดเมคอัพแล้วสำลีไม่เป็นขุยติดหน้า ราคาก็ไม่แพงอีกด้วย
ต่อมาเป็น Cleansing Water จาก Beauty Cottage
BEAUTY COTTAGE ALOE VERA PURIFYING & MOISTURIZING CLEANSING WATER
ตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่แต่งหน้าไม่ได้แน่นหรือหนักมาก
แต่พวกคิ้วที่กันน้ำหรือลิปสติกที่เม็ดสีแน่นๆ
ต้องกดคลีนซิ่งออกมาชุ่มๆ หน่อยถึงจะเช็ดออก
ข้อดีของตัวนี้คือ เช็ดแล้วผิวยังคงชุ่มชื้น ผิวไม่แห้งตึงและก็ไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะด้วย
ได้อารมณ์แบบเช็ดแล้วเบาสบายผิว ตัวนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าใครแพ้พวกน้ำหอมไม่แนะนำจ้า
ถ้าใครที่แต่งหน้าหนักๆ ใช้พวกเมคอัพกันน้ำทั้งหลายแหล่
แนะนำตัวนี้เลย Shu Uemura Skin PurifierAnti/Oxi+ Cleansing Oil ปราศจากส่วนผสมของ Mineral Oil
สูตรนี้เค้ามีสารสกัดจากสมุนไพรถึง 3 ชนิด มะรุม มะละกอ ชาเขียว
มีส่วนผสมช่วยต้านผลกระทบจากมลภาวะและเคลมว่าช่วยลดโทนผิวหมองคล้ำให้ผิว
ตัวนี้แค่นวดเบาๆ แปปเดียวพวกเมคอัพที่ล้างออกยากๆ ก็จะหลุดออกมา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ นวดแล้วสบายผิว
เรื่องลดความหมองคล้ำให้ผิวไม่แน่ใจ แต่ตัวนี้ใช้แล้วผิวไม่แห้งตึง
ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิว ไม่ทำให้เกิดสิวอุดตัน เสียอย่างเดียว…แพงอ่าาา
ตัวนี้คงไม่ต้องบรรยายเยอะ คิดว่าทุกคนคงเคยใช้ สำหรับ Cetaphil Gentle Skin Cleanser
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย แต่หลักๆ ตัวนี้อ๊อฟเอามาล้างหน้าเพราะอ่อนโยนและดีต่อผิว
ปราศจากสบู่และน้ำหอม ใช้แล้วไม่ระคายเคืองผิว ล้างออกง่ายและยังคงความชุ่มชื้นให้กับผิวอยู่
มาต่อกันที่ครีมกันแดด วันนี้อ๊อฟเลือกมา 3 ตัว ที่ชอบมากและใช้เป็นประจำ ครีมกันแดดทั้งหมด
ที่เลือกมาเพราะเป็นเนื้อเซรั่ม บางเบา ทาแล้วเบาสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับหน้าร้อนสุดๆ
Mizumi UV Water Serum ปราศจากสารเคมี 100% มีความอ่อนโยนสูงมาก เหมาะกับผิวเเพ้ง่าย เป็นสิว
รวมไปถึงผิวหลังทำเลเซอร์ตัวนี้ไม่มีน้ำมัน เเอลกอฮอล์ สารกันเสีย พาราเบน น้ำหอม เเละสี
ปกป้องและกันแดดได้ดี เสียอย่างเดียวราคาสูงไปนิด
Biore UV Aqua Rich Watery Essence กันแดดสูตรน้ำ บางเบาพิเศษ เพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องสูงสุด
ยาวนานกว่าเดิม ตัวนี้เคยรีวิวไปนอกจากเนื้อจะบางเบา ทาแล้วเบาสบายผิวเหมือนไม่ได้ทา
ไม่เหนียวเหนอะหนะ กันแดด กันน้ำ กันเหงื่อได้ดีอีกด้วย
NIVEA Sun Protect & White Oil Control Serum SPF50+ PA+++ เซรั่มกันแดดเนื้อบางเบา
สูตรลดความมัน ไม่อุดตันรูขุมขน ตัวนี้ทาแล้วกลืนไปกับผิวไม่เหนียวเหนอะหนะ คุมมันได้นิดหน่อย
ตัวนี้ไม่มีน้ำหอมเเละสี เเต่มีเเอลกอฮอล์ ดังนั้นถ้าใครแพ้ควรหลีกเลี่ยงนะคะ
Blumei JeJu Moisture Aloe Vera 97% Soothing Gel เจลว่านหางสารพัดประโยชน์ ตัวนี้ทาได้ทั้งผิวหน้า
และผิวกาย คุณสมบัติเด่นของเค้าคือ ช่วยลดการระคายเคืองและอักเสบของผิวที่เกิดจากการไหม้หลังโดนแดด
ปราศจากสารสังเคราะห์ที่ทำร้ายผิว 7 ประการ อาทิ เช่น พาราเบนและมิเนอรัล ออยล์ หรือใส่สีสังเคราะห์
แต่ตัวนี้มีแอลกอฮอล์นะคะ ถ้าใครแพ้แอลกอฮอล์ควรเลี่ยง เนื้อเจลมีความเย็นตามสไตล์เจลว่านหางจระเข้
เนื้อเจลเหลว แต่ไม่ได้เหลวมาก ให้ความชุ่มชื้นได้ดี ซึมไวไม่เหนอะหนะ ทาแล้วเย็นสบายผิว อันนี้ต้องมีติดบ้าน
ถ้าใครเคยใช้น้ำตบแพลงก์ตอนของ Biotherm ตัวนี้เป็นอีกตัวที่ควรค่าแก่การเสียสะตุ้งสตางค์
สำหรับ Biotherm Life Plankton Mask เป็นมาสก์ที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้ดีมากกกก
แถมยังเด่นในเรื่องของการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบและระคายเคืองผิว
ให้ความรู้สึกเบาสบายผิว และให้ความชุ่มชื้นยาวนานกว่าตัวเอสเซ้นส์ แนะนำว่าแช่ตู้เย็นแล้วเอามามาส์ก
จะฟินมาก กลิ่นเหมือนตัวเอสเซ้นส์เลย จะหอมหรือจะเหม็นก็ไม่รู้ ใครไม่ชอบกลิ่นต้องทำใจไว้เลย
แต่ตัวนี้ใช้แล้วพวกรอยแดงๆ หรือผิวที่อักเสบอยู่หายไวขึ้น ผิวหน้าชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน
Faith in Face Hydrogel Mask สูตร Light Effect ตัวนี้เป็นมาส์กจากเกาหลีที่ช่วยฟื้นฟูผิวที่คล้ำเสีย
ให้ผิวกระจ่างใสขึ้น มีส่วนผสมของวิตามินบี 3 ,โปรตีนจากไข่มุกและสารสกัดจากใบบัวบก
ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำจากการโดนแดด 
ตัวมาส์กเป็นไฮโดรเจลแยกชิ้นส่วนกัน บน-ล่าง ตัวนี้ไม่ต้องแช่ตู้เย็น แผ่นมาส์กก็เย็นจ้า
ตัว Hydrogel ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น คอลลาเจน วิตามินอี ไฮยารูลอนิค เอซิด
ที่ช่วยทำให้ผิวของเรามีความชุ่มชื่น โดยปราศจากอาการแพ้หรือระคายเคืองผิว
เห็นแผ่นมาส์กหนาๆ แบบนี้เพราะเค้าดูดเซรั่มที่ใช้บำรุงผิวไว้ข้างใน พอมาส์กเสร็จแผ่นมาส์กก็จะฟีบลง
ข้อดีของมาส์กชนิดนี้ คือ ไม่มีรอยยับหรือรอยย่น ไม่มีฟองอากาศเหมือนเราใช้มาส์กแผ่นทั่วๆ ไป
ตัวนี้มันแนบสนิทไปกับผิว รับกับรูปหน้าของเรา ไม่ไหลหรือลื่นหลุด จากที่ใช้มาหลายสูตร
ชอบสูตรนี้ที่สุด เพราะนอกจากผิวจะอิ่มน้ำฟู เด้ง นุ่มแล้ว ผิวมันไบรท์และกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย
มาส์กทิ้งไว้ 30 นาที ดูซีรี่ย์ไปมาส์กไปได้เลย หลังมาส์กเสร็จแนะนำว่า ควรนวดให้เนื้อเจลหรือเซรั่มซึมเข้าไป
มาส์กเสร็จผิวมันก็จะใสประมาณนี้ มาส์กตอนกลางคืนตื่นมาหน้าเด้ง สว่างขึ้นเลย
หรือจะมาส์กก่อนแต่งหน้าก็ช่วยให้แต่งหน้าติดทนขึ้นอีกด้วย
แผ่นมาส์กมีค่าอย่าทิ้ง เอามาถูมือ ทาคอ หรือแขน ขา ได้หมด จะสวยทั้งทีต้องสวยทั้งตัวนะจ๊ะ
Witty Merry Absolute Hydro Mist ตัวนี้ดีกว่าสเปรย์น้ำแร่ทั่วไปที่นอกจากจะให้ความเย็นความสดชื่นกับผิว
คุณสมบัติเด่นของตัวนี้ คือ ลดเลือนรอยแดงของผิวอันเนื่องมาจากความร้อนและแสงแดด
เพราะมีสารสกัดสำคัญ อย่าง ว่านหางจระเข้, แตงกวา , ชะเอมเทศ และสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ
ตัวนี้ฉีดแล้วผิวจะหนึบๆ เล็กน้อย ฉีดเสร็จต้องเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าอีกทีนะคะ เนื่องจากตัวสเปรย์ไม่ใช่น้ำใสๆ
อารมณ์เหมือนเอาว่านหางจระเข้มาอัดเป็นสเปรย์เหมาะกับเวลาที่ต้องไปออกแดด ฉีดตัวนี้แล้วผิวเย็นสดชื่น
ต่อมาเป็น Overnight Lip Mask 100% Natural Extract จาก IKAKO เป็นมาส์กปากที่ไม่ต้องล้างออก
ไม่มีพาราเบน ,น้ำหอม, สีสังเคราะห์ ,ซิลิโคนและแอลกลอฮอล์
สารสกัดส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติทั้งนั้น ตัวนี้ช่วยฟื้นฟูริมฝีปากที่แห้งแตกเป็นขุย
ช่วยให้ปากเนียนเรียบและชุ่มชื้นขึ้น เนื้อครีมเป็นสีขาวไม่มีกลิ่นนะคะ
จะทาก่อนนอนหรือระหว่างวันทับลิปสติกก็ได้ค่ะ เพราะไม่มีสี ตัวนี้ทาแล้วไม่เหมือนกินข้าวมันไก่มานะ
ไม่มัน ไม่เยิ้ม โบกก่อนนอนตื่นมาปากเรียบเนียนเลยแหละ
มาต่อที่ตัวกันบ้าง Curel Intensive Moisture Care Body Wash เจลอาบน้ำสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
ช่วยฟื้นบำรุงรักษาระดับเซราไมด์ในผิว เป็นเกราะปกป้องให้ผิวดูแข็งแรง สุขภาพดี
ปราศจากน้ำหอม และสี สูตร pH-balanced และ Hypoallergenic
หลังจากที่ผิวโดนแดดมาหนักๆ นอกจากตัวนี้จะให้ความชุ่มชื่นกับผิวเวลาอาบน้ำแล้ว
ยังช่วยลดการระคายเคืองผิวที่แห้งแตกหรือเป็นขุยราคาค่อนข้างสูง แต่ใช้นิดเดียวฟองก็ทั่วตัวแล้ว
อาบน้ำเสร็จจับผิวจะรู้สึกได้เลยว่าผิวนุ่มขึ้น ตรงที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หรือหัวเข่า ก็เนียนขึ้น
Banana Boat Sport CoolZone Gel เจลว่านหางจระเข้สีฟ้าสูตรเย็น เป็น After sun ที่ใช้บำรุงและฟื้นฟูผิว
จากการตรากตรำโดนแดดแผดเผา ตัวนี้ใช้ได้ทุกวันเหมือนเราทาโลชั่นทั่วๆ ไป เพราะเป็นว่านหางจระเข้
ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น ช่วยเติมน้ำให้ผิว ไม่ให้พวกรังสียูวีเข้ามาทำร้ายผิวได้ง่ายๆ
ตัวนี้เหมาะกับผิวกายมากกว่าผิวหน้านะคะ มีส่วนผสมของวิตามินอีที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวให้สีผิวกลับมาเรียบเนียน
สม่ำเสมอ ข้อดีของตัวนี้คือ เค้ามีส่วนผสมของเมนทอล ปกติเจลว่านหางจระเข้เวลาทาก็จะรู้สึกเย็นแล้ว
แต่ตัวนี้เย็นคูณสองไปอี๊กกก ทาลงผิวแล้วสดชื่นเลย ไม่มัน ไม่เยิ้ม ไม่เหนอะหนะผิว
ทากันแดดที่หน้าแล้วอย่าลืมทากันแดดที่ตัวด้วยนะคะ P.O CARE Sun Block Lotion SPF 50 PA+++
มีส่วนผสมของสารที่ช่วยป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี ป้องกันผิวหมองคล้ำ แสบไหม้และอักเสบจากแสงแดด
เป็นครีมกันแดดที่สีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ นอกจากจะปกป้องกันแดดแล้วยังบำรุงผิวอีกด้วย
ตัวนี้ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอลล์ เหมาะกับคนผิวแห้ง
ตัวนี้อ๊อฟเอามาทาตัวนะคะ ข้อดีของเค้านอกจากราคาจะน่ารักไม่แพงแล้ว รู้สึกจะ 199 บาท
เนื้อโลชั่นยังเกลี่ยง่าย บางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วไม่ขาวไม่วอก
ต่อมาเป็นโลชั่นที่อ๊อฟใช้บำรุงผิว JerGens Soothing Aloe จริงๆ ใช้มาหลายสูตร แต่สูตรนี้เหมาะกับ
หน้าร้อนที่สุดแล้วเพราะสูตรนี้เนื้อโลชั่นเค้าบางเบา ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะเหมาะ ทาแล้วสบายผิว
มีส่วนผสมของ Cucumber Extract และ Aloe Vera ที่ช่วยปลอบประโลมผิวและช่วยฟื้นฟูผิวที่หยาบกร้าน
จากการโดนแดดได้ดี เหมาะกับคนผิวแห้ง ใช้แล้วผิวชุ่มชื่นขึ้น แถมยังมีกลิ่นหอมสดชื่นอีกด้วย
จะสวยทั้งทีก็ต้องครบสูตรเนอะ เพราะแสงแดดเค้าไม่เลือกส่วนของการทำร้ายผิว เส้นผมก็ไม่รอดนะจ๊ะ
L’OREAL HAIR SPA DEEP NOURISHING CREAMBATH ตัวนี้อ๊อฟใช้แทนครีมนวดผมเลย
ช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมจากอาการแห้งและถูกทำลายให้กลับมาชุ่มชื้น นุ่มสลวยเงางาม
พร้อมบำรุงสุขภาพเส้นผมให้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผมแห้งเสียและอ่อนแอ
เนื้อครีมข้นมาก เอามาหมักช่วงปลายผม จากที่แห้งเสีย หมักทิ้งไว้แล้วใช้ผ้าขนหนูอุ่นๆ มาโพกหัว
พอล้างออกผมนุ่มมากกกก ทำสปผมได้ง่ายๆ ที่บ้านไม่ต้องเข้าร้านไปอบไอน้ำเลย
เป็นยังไงคะ ไอเทมดูแลและฟื้นฟูผิวหลังโดนแดดที่อ๊อฟรวบรวมมา หวังว่าจะถูกใจกันนะคะ
ช่วงนี้ควรเน้นบำรุงและให้ความชุ่มชื้นกับผิวก่อน ดื่มน้ำเยอะๆ ทานผักผลไม้ที่มีประโยชน์
ทาครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลียงแสงแดดช่วงเวลา 09.00 – 15.00 น. หลังจากที่ฟื้นฟูและบำรุงผิว
ประมาณ 2 สัปดาห์ผิวจะเริ่มดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นจะขัดผิว สครับผิว ใช้ไวท์เทนนิ่งอะไรก็ว่ากันไป
สุดท้ายนี้ ถูกใจอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์กันด้วยน้าาา
สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับอ๊อฟในเดือนที่ร้อนระอุแบบนี้จะเป็นเดือนอะไรไปไม่ได้นอกจาก “เดือนเมษา “นั่นเอง
และถ้าเดือนเมษายน สิ่งที่เราทุกคนรอคอยก็คือ “เทศกาลสงกรานต์” ซึ่งปีนี้อ๊อฟได้รวบรวมเอา
10 สิ่งที่ผู้หญิงต้อง(มี)เตรียมพร้อมเล่นสงกรานต์ 2018 จะมีอะไรบ้างไปดูกันเล๊ยยยย
1. ชุดเล่นสงกรานต์ ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าเสื้อลายดอก เสื้อฮาวายแบบ THE TOY อีกแล้ว
สำหรับเทศกาลสงกรานต์จะดอกเล็กดอกใหญ่ สีสันสดใสหรือสีพาสเทลก็อินเทรนด์ไม่มีเอ้าท์แน่นอน
” เสื้อ กางเกง รองเท้าแตะ แว่นตา ควรเตรียมให้พร้อมก่อนออกไปรบ(สาดน้ำ)”
และควรแต่งตัวให้รัดกุมเข้าไว้ จะเป็นเสื้อ over size หรือเสื้อยืดที่พอดีตัวก็น่ารักดีค่ะ
แต่ไม่ควรใส่เสื้อรัดรูปหรือกางเกงขาสั้นจนเกินไป เป็นการเซฟตัวเองไปในตัวด้วยเนอะ
2. ครีมกันแดด บางคนอาจจะชอบเล่นน้ำตอนกลางคืน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนชอบบรรยากาศการเล่นน้ำ
ตอนกลางวันอยู่ และสิ่งที่เราขาดไม่ได้ถ้าจะต้องเล่นน้ำตอนกลางวัน นั่นก็คือ “ครีมกันแดด”
แน่นอนว่าทาหน้าทาตัวอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำกันเหงื่อด้วย
และยี่ห้อที่แนะนำสำหรับทาตัวคือ BANANA BOAT Sport Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++
ตัวนี้เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง กันแดดได้ดีมากกกกก ไม่คล้ำลงเลย แต่รุ่นนี้จะเกลี่ยยาก
และเหนอะหนะมากไปหน่อย ได้ข่าวว่าเค้ามีสูตรใหม่ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะและซึมซาบเร็วออกมา
แต่อ๊อฟยังไม่ได้ลองเลย ไว้จะไปซื้อแล้วมารีวิวให้ดูกัน
และยี่ห้อที่แนะนำสำหรับทาหน้า Biore UV AQUA RICH Watery Essence SPF50+ PA++++
ตัวนี้เคยรีวิวไปอาทิตย์ที่แล้วเพราะเนื้อบางเบามาก ซึมซาบเร็ว เกลี่ยง่าย กันแดดกันน้ำได้ดี
สำหรับคนที่กลัวแพ้ อ๊อฟก็มีครีมกันแดด Cetaphil DayLong SPF 30 PA+++ ครีมกันแดด
สำหรับคนผิวมันและแพ้ง่าย ปราศจากน้ำหอมและพาราเบน ไม่อุดตัน ไม่มันเยิ้มแถมยังกันแดดได้ดีอีกด้วย
3. เมคอัพกันน้ำ เป็นสิ่งที่ผู้หญิงเราขาดไม่ได้เลย จะมาเปียกน๊งเปียกน้ำแล้วอายไลเนอร์ไหลเยิ้ม
มาสคาร่าเลอะเทอะก็ใช่เรื่อง ไหนจะเจอสงครามสาดน้ำ ถ้าเมคอัพหลุดคงไม่ดีแน่ๆ
วันนี้อ๊อฟเลยหยิบเมคอัพกันน้ำกับลุคแต่งหน้าง่ายๆ ที่ควรมีมาฝากกันค่ะ
1. fitt Cushion เป็นคุชชั่นที่สีเนียนพอดีกับผิว ปกปิดใช้ได้ ไม่หมองไม่ดรอปและไม่หลุดเมื่อโดนน้ำ
2. Cosluxe Browsup ดินสอเขียนคิ้วเนื้อเจลที่อึด ถึก ทน ทุกสภาพอากาศ สาดมาคิ้วไม่มีหายแน่นอน
3. odbo eyebrow cushion ที่เขียนคิ้วแบบคุชชั่น อ๊อฟเอามาไล้ดั้ง เฉดกรอบหน้า ติดแน่นติดทน
4. Cosluxe Bloomy Whip #Redrose ทาได้ทั้งแก้มและปาก ได้แก้มและริมฝีปากแดงแบบระเรื่อๆ
5. Maybelline MAGNUM Bigshot มาสคาร่าที่โดนน้ำแล้วไม่เหมือนสาวร้องไห้เวลาโดนเท ไม่เยิ้มไม่แพนด้า
6. Wynn Me Cosmic Eyeliner อายไลเนอร์หัวพู่กันเส้นเล็กติดแน่นทนนาน กรีดง่ายไม่เลอะเทอะ
หลังโดนน้ำแล้วก็ยังเป๊ะอยู่ สาวๆ ควรมีเมคอัพกันน้ำติดไว้นะจ๊ะ
4. ปืนฉีดน้ำ จะไปเล่นน้ำแล้วจะขาดปืนฉีดน้ำได้ไงเนอะ เลือกกระบอกที่เล็กๆ ไม่ต้องใหญ่มาก
เวลาเดินไปจะได้ไม่หนักหรือเทอะทะเวลาที่ต้องเข้าไปเบียดเสียดผู้คนเยอะๆ
และไม่ควรใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ เล่นแค่พอหอมปากหอมคอพอเนอะ
5. กระเป๋ากันน้ำ หรือ ซองใส่โทรศัพท์มือถือ อันนี้สำคัญมากกก เพราะสามารถป้องกันมือถือและของสำคัญเราได้
แนะนำว่าพกแบบกระเป๋าไปเลย จะสะพายแบบเก๋ๆ หรือคาดเอวแบบแนวๆ ก็ดีแถมยังใส่ของได้อีกหลายอย่างด้วย
6. ของที่ขาดไม่ได้ที่อ๊อฟพูดถึง นั่นก็คือ พวกบัตรประชาชน บัตรประกัน เงินและยาประจำตัว ยาดม ยาหม่อง
หรือพลาสเตอร์ยาที่ควรมีพกติดไว้ หรือสาวๆ ที่ใส่คอนแทคเลนส์เล่นน้ำ อาจเกิดมีอาการระคายเคืองตา
ควรพกตลับและน้ำยาคอนแทคเลนส์ติดเอาไว้ค่ะ หรือถ้าจะให้สะดวกเลือกคอนแทคเลนส์
แบบ One Day ที่สามารถใส่แล้วทิ้งได้เลย
7. ผ้าเช็ดหน้า หรือ ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ อันนี้ก็สำคัญและไม่ควรมองข้ามเหมือนกันค่ะ
เพราะบางทีเราอาจจะโดนแป้งหรืออะไรเลอะหน้าหรือเข้าตา พกผ้าไว้คอยเช็ดหน้า
หรือคอยเช็ดผมให้แห้ง เดินเล่นน้ำทั้งวันหวัดจะได้ไม่ถามหา
8. ผ้าอนามัยแบบสอด คงไม่ดีแน่ถ้าวันที่เล่นน้ำแล้วเป็นประจำเดือน อย่าลืมเลือกใช้ “ผ้าอนามัยแบบสอด”
แทนแบบแผ่นนะคะ เพราะนอกจากจะไม่ต้องเข้าห้องน้ำเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เลือกใส่แบบสอดยังสบายตัว
อีกด้วย ไม่ต้องกลัวเลอะ กลัวเปรอะ กลัวเปื้อนหรือกลัวแถบกาวจะหลุดเวลาโดนน้ำ
อย่าลืมเตรียมไปสำรองเปลี่ยนระหว่างวันด้วยนะคะ จะได้ไม่อับชื้นหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
9. กล้องกันน้ำ แน่นอนว่าจะเล่นน้ำให้สนุกก็ต้องลงรูปในเฟสบุ๊คหรือแทกไอจีกับเพื่อนสักหน่อย
ไอจะหยิบมือถือออกมาถ่าย ซองกันน้ำก็อาจจะเอาไม่อยู่ เดี๋ยวมือถือพังไปการเล่นน้ำจะไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป
พกกล้องที่กันน้ำไปเลยดีกว่าและวันนี้อ๊อฟก็จะมาแนะนำกล้องกันน้ำที่อ๊อฟใช้อยู่ค่ะ
– Go Pro Session 4 ข้อดีของกล้องโกโปรอย่างที่เรารู้ นอกจากกันน้ำกันกระแทกยังเหมาะกับกิจกรรมมันส์ๆ
กิจกรรม ADVENTURE สามารถเก็บได้ทั้งภาพมุมกว้าง จะภาพนิ่งหรือวิดิโอก็ถ่ายออกมาได้สวย ได้อารมณ์สุดๆ
– CASIO FR100L มันเป็นกล้องที่เกิดมาเพื่อสาวๆ อย่างเรา กล้องฟรุ้งฟริ้งที่ลงน้ำได้ ใช่ค่ะ….ลงน้ำได้
จะเอาไปว่ายน้ำหรือถือตอนเล่นน้ำก็ไม่ต้องกลัวพังเพราะมันโดนน้ำได้จริงๆ ที่สำคัญเลนส์ยังเป็นมุมกว้าง
สามารถถอดออกมาได้อีกด้วย เก็บรายละเอียดได้ดี แถมถ่ายออกมาก็หน้าเนียน เรียวงาม สวยสุดๆ
10. พวงมาลัย เตรียมพวงมาลัยสวยๆ พร้อมน้ำอบไทยไป “รดน้ำดำหัว” เพื่อขอโทษหรือขอขมา
ที่อาจจะเคยล่วงเกินผู้ใหญ่ทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะ ต่อหน้าหรือว่าลับหลังก็ตาม
และขอพรจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ปู่ยาตายาย ครูบาอาจารย์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ รีวิว 10 สิ่งที่ผู้หญิงต้อง(มี)เตรียมพร้อมเล่นสงกรานต์ 2018 ที่อ๊อฟรวบรวมมาให้
หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่สาวๆ เนอะ สงกรานต์ปีนี้เล่นน้ำให้สนุก ปลอดภัย อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะคะ