Category

Beauty

Category

สวัสดีค่า วันนี้อ๊อฟจะมารีวิวการฉีดไขมันปรับรูปหน้าที่อ๊อฟเพิ่งไปทำมาล่าสุด
จริงๆ แล้วต้องบอกก่อนเลยว่าตอนแรกกะจะไปแค่ฉีดฟิลเลอร์ปาก
กับคุณหมอจูนที่ Classy Clinic เท่านั้น แต่เหลือบไปเห็นคนมาฉีดไขมันกับคุณหมอ
เยอะมาก บางคนเพิ่งออกมาจากห้องเลย ด้วยความอยาก หรือจะเรียกว่าคันก็ว่าได้ 55
เพราะทำมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะจมูก ตา ฟิลเลอร์ โบทอกซ์ แต่ฉีดไขมันยังไม่เคย
กับเค้าสักที เลยตัดสินใจลองเข้าไปคุยกับคุณหมอก่อน ว่ารูปหน้าอ๊อฟเนี่ย
ถ้าจะฉีดจะต้องเติมต้องปรับตรงไหนบ้างปรึกษากับคุณหมอเยอะมาก นานมากกก
เพราะสำหรับอ๊อฟราคาค่อนข้างสูง ในเมื่อเราจ่ายทั้งทีก็อยากให้มันออกมาดีที่สุด
และอ๊อฟก็ไม่อยากฉีดให้มันล้น ให้มันเว่อร์จนแบบดูออก
ยังอยากให้มันดูเนียนและธรรมชาติอยู่
…………………
หลังจากปรึกษากับคุณหมอเสร็จสิ่งที่อ๊อฟกังวลคือ ฉีดแล้วมันจะดูบวมๆ
หน้าจะดูใหญ่มั้ย มันจะออกมาเหมือนปลาหมอปลาทองหรือเปล่า 555 
แต่คุณหมอบอกว่าของอ๊อฟจะเน้นแค่ปรับแต่งให้รูปหน้าดูละมุนขึ้น 
เติมในส่วนที่ขาดหายไป เช่น บริเวณขมับ ใต้ตา หน้าผาก คางนิดหน่อย
และยกให้หน้ามันดูเรียวขึ้น พอความเห็นตรงกันแบบนี้ก็ยังทำไม่ได้นะคะ 555
เพราะคุณหมอมีคิวต่อ ต้องกลับบ้านไปเตรียมตัว เตรียมใจและเตรียมตังก่อนแล้วค่อยมาใหม่

ในที่สุดก็ถึงคิวของอ๊อฟสักที ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนทำไม่มีอะไรเลยค่ะ กินอิ่ม นอนหลับ พักผ่อน ทำใจร่มๆ แล้วรอเวลาก็พอก่อนทำทางคลีนิคจะเก็บรูปก่อนทำ-หลังทำ ข
องเรานะคะ จะได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน (อ๊อฟไปขอไฟล์รูปกับทางคลีนิคมาค่ะ)
จริงๆ อ๊อฟเป็นคนที่รูปหน้าค่อนข้างเรียวอยู่แล้วนะคะ เพราะฉีดโบทอกซ์
ฉีดแฟตเป็นประจำ แต่ด้วยอายุที่ 33 แล้วก็จะมีบางส่วนที่ไขมันมันหายไป
ใต้ตา ขมับ ร่องแก้มอะไรประมาณนี้ ก่อนทำก็จะมีตื่นเต้นนิดหน่อย
ไม่ได้ตื่นเต้นตอนจะฉีดที่หน้านะคะ แต่ตื่นเต้นตอนที่จะดูดที่ขาออกมานี่แหละ
เคสของอ๊อฟไม่ได้วางยานะคะ ฉีดยาชาบริเวณขาแล้วทำการดูดไขมันบริเวณต้นขาด้านในออกมา  ตอนฉีดยาชาสำหรับอ๊อฟเจ็บนะคะพูดแบบไม่อายเลย ใครบอกไม่เจ็บแต่อ๊อฟเจ็บอะ แต่เจ็บแบบทนได้ ตอนที่คุณหมอดูดไขมันก็จะมีรู้สึกแปล๊บๆ หน่วงๆ บ้าง
แถมต้องดูดสองรอบด้วย เพราะไขมันที่ออกมาของอ๊อฟมันไม่ดีเลย
เอามาใช้ได้แค่นิดหน่อยเอง T.Tหลังจากนั้นนำมาปั่นและมาคัดแต่ไขมันที่ดีที่สุดที่จะสามารถนำมาใช้ได้ แล้วนำมาฉีดที่หน้าค่ะตอนฉีดที่หน้าไม่เจ็บเลยเพราะคุณหมอฉีดยาชา แทบไม่รู้สึกอะไรเลย ฉีดและดูดที่ขาเจ็บสุดแล้วสำหรับอ๊อฟ

ทั้งดูดไขมันที่ต้นขาและฉีดใช้เวลาประมาณ 2 ชม. นะคะ ออกมาก็ใช้ชีวิตได้ปกติ 
อาจจะมีเจ็บแปล๊บๆ ที่ขา พอฉีดเสร็จอ๊อฟก็ไปเดินเล่น กินข้าวที่เซนทรัลพระราม 9 ต่อเลยหลังฉีดมีข้อควรระวังด้วยนะคะ
1. ต้องนอนหน้าตรง ห้ามนอนตะแคง 1 เดือน
2. ห้ามออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักเด็ดขาด
3. งดนวดหน้า แต่งหน้าหรือทาครีมใน 1-2 วันแรก
4. งดการอบซาวน่า เลเซอร์หรือโดนความร้อน
5. งดกินของแสลง หมักดองและงดดื่มแอลกอฮอล์
จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากเลย แค่กินให้อิ่ม นอนหลับพักผ่อนเยอะๆ
**ไม่ต้องกังวลเพราะมันจะบวมแน่นอนค่ะ
แต่พอบวมแล้วมันก็จะค่อยๆ ยุบ จนเข้าที่เข้าทางเนอะ**

วันที่ 1 หลังฉีด สำหรับอ๊อฟยังไม่บวมเท่าไหร่นะคะ ยังชิวๆ อยู่
วันที่ 2 เริ่มมีบวมที่ใต้ตาแล้ว 1-3 วันแรกยังล้างหน้าไม่ได้นะคะ ต้องเช็ดหน้าด้วยน้ำเกลือไปก่อน
และก็จะมียาแก้ปวด แก้อักเสบมาให้ทานด้วยค่ะ พยายามทานให้ครบตามที่คุณหมอสั่งนะคะ
วันที่ 3 เริ่มบวมเยอะขึ้นแล้ว หน้าเริ่มดูเปลี่ยนไป ออกไปไหนใครก็มองอะ
วันที่ 4 มีตึงๆ บริเวณขมับและหน้าผากนิดหน่อยค่ะ ยังแสดงสีหน้ามากไม่ค่อยได้ ถ้าขยิบตาจะเจ็บมาก
วันที่ 5 ก็ยังบวมอยู่ กลายเป็นคนตาห่างไปเลย มีรอยช้ำใต้ตาชัดขึ้นด้วย
วันที่ 10 พวกรอยเขียว รอยช้ำต่างๆ เริ่มหายไปแล้ว
วันที่ 15 ทุกอย่างยุบเกือบหมด จะมีช่วงใต้ตาที่ยังบวมอยู่
เพราะคุณหมอเติมไปเยอะมากเพราะใต้ตาอ๊อฟค่อนข้างลึก
ครบ 1 เดือนแล้ว หน้าดูเต็มขึ้นจากเดิมเยอะเลย อาจจะมีไขมันหายไปบ้าง ไม่เต็ม 100% บ้าง
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะคะ ของอ๊อฟไม่ได้เติมจนล้นมาก เอาแค่พอดีๆ 
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรีเควสคุณหมอได้เลยนะคะ ว่าชอบแบบไหน ส่วนตัวอ๊อฟแค่นี้แฮปปี้แล้ว
อันนี้เป็นรอยช้ำหลังจากที่ดูดไขมันมานะคะ สำหรับอ๊อฟฉีดไขมันไม่เจ็บหน้าเลย
เจ็บขาสุดแล้ว เดินลำบากด้วย T.T
อ๊อฟลองเทียบรูปให้ดูนะคะ ว่าแต่ละวันบวมมาก-น้อย แค่ไหน

สำหรับอ๊อฟ อ๊อฟมองหน้าตัวเองรู้สึกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะเท่าไหร่
แต่คนรอบข้างจะบอกว่ามันดูอิ่มขึ้นอ๊อฟพยายามถามแฟนบ่อยมากกก
แฟนก็บอกเปลี่ยนะ หน้าไม่ค่อยตอบแล้ว

พอมาเทียบรูปจริงๆ ก็เปลี่ยนอยู่เนอะ
แต่ก่อนหน้าผากจะแบนๆ และยุบลงไป ตอนนี้เต็มขึ้นมาเยอะเลย
ไปๆ มาๆ หน้าก็เปลี่ยนเหมือนกันนะ 555
และตอนนี้ก็ครบ 1 เดือนกับ 20 วันแล้วนะคะ โดยรวมคือชอบมากกกก มันดูละมุนขึ้นแบบเนียนๆสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด อ๊อฟทำเป็นตัวฉีดเหมาทั้งหน้า ราคา 59,000 บาทนะคะ ฉีดได้แค่ครั้งเดียวถ้าแบบฉีดได้สองครั้งราคาจะอยู่ที่ 79,000 บาท ซึ่งจะฉีดหรือเติมครั้งที่ 2 ได้ต้องประมาณ 6 เดือนนะคะ สำหรับคนที่สนใจเรื่องการฉีดไขมันบอกเลยไม่ต้องรีบร้อนนะคะ หาข้อมูลหรือศึกษาไปเรื่อยๆ และพยายามคุยกับคุณหมอเยอะๆ บอกถึงความต้องการของเราชอบแบบไหนบอก ชอบมาก ชอบน้อยบอกคุณหมอได้เลยค่ะใครมีข้อสงสัยอะไร ถามมาได้เลยค่ะ
เดี๋ยวอ๊อฟแวะมาตอบให้ในคอมเม้นท์นะคะ

ใครบอกว่าเป็น Beauty Blogger เป็นเรื่องง่าย จะบอกว่าจริงๆ แล้ว มันไม่ง่ายเลยค่ะ
นอกจากเราจะต้องแต่งหน้าแทบจะตลอดเวลาแล้ว การทดลองสกินแคร์แบรนด์โน้น
แบรนด์นี้ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน ส่วนตัวอ๊อฟจะไม่ค่อยมีอาการแพ้
อย่างผดผื่น สิว ผิวแสบคันแบบนี้ คือแทบไม่มีเลย เว้นแต่ช่วงนั้นผิวจะอ่อนแอมากจริงๆ
แต่ปัญหาโลกแตกของอ๊อฟ คือ “ ผิวแห้งลอกเป็นขุย” อ๊อฟจะบอกว่าอ๊อฟเนี่ย
เป็นคนที่ผิวแห้งมากทำให้รีวิวเครื่องสำอางหรือครีมได้ยากขึ้น
ยิ่งผิวตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง แห้งแตกเป็นเกล็ดเลย

ขนาดยังไม่เข้าหน้าหนาว ผิวยังแห้งและแตกขนาดนี้ ที่หน้าก็ไม่ต้องพูดถึง T.T
ปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งลอกส่วนหนึ่งเกิดจากขาดส่วนประกอบหลักในชั้นเซลล์ผิว
ที่เรียกว่า “เซราไมด์” ซึ่งเจ้าเซราไมด์เนี่ยเค้าจะทำหน้าที่เป็นเกราะปกป้องผิว
จากปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้ผิวของเราระคายเคือง
แพ้ง่ายและช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นให้กับผิว

ดังนั้นเมื่อผิวเราขาดเซราไมด์ก็จะเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแห้งกร้าน
และทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย
อาการผิวแห้งขาดเซราไมด์สามารถเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม
(สาเหตุหลักของอ๊อฟเลย เพราะคุณพ่ออ๊อฟผิวแห้งมากกกก แห้งแตกเป็นเกล็ดเลย)
ปัจจัยต่อมาก็คืออายุ พออายุเพิ่มมากขึ้นก็จะสามารถทำการผลิตเซราไมด์ได้น้อยลงเช่นกัน
และสุดท้ายปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น แสงแดด ความเครียด มลภาวะ
ก็เป็นตัวกระตุ้นที่ส่งผลให้เซลล์ผิวทำงานผิดปกติ และเป็นสาเหตุให้การสร้างเซราไมด์ลดลงด้วยค่ะ

วันนี้อ๊อฟเลยจะมารีวิวครีมที่ช่วยปลดล็อคผิวแพ้ แห้ง ผิวลอกเป็นขุย
ที่จริงๆ แล้วอ๊อฟเคยรีวิวไปเป็น My Favorite Skincare ของอ๊อฟเมื่อปีสองปีที่แล้ว
และเป็นครีมที่อ๊อฟใช้เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาผิวมาตลอด นั่นก็คือ  “Curel” 
แบรนด์เวชสำอางอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น และมีขายที่นู่นมา 20 ปีแล้ว
Curel INTENSIVE MOISTURE CARE Intensive Moisture Cream เป็นผลิตภัณฑ์ Curel
ที่ได้รับการการันตีด้วยรางวัล Best Cream No.1 ในปี 2014 และ 2015
และรางวัล The Best Cosmetics Awards ประจำปี 2016 จากนิตยสาร @cosme ประเทศญี่ปุ่น
รวม 3 ปีซ้อน จะบอกว่าไม่ดีจริงไม่ได้รางวัลการันตี 3 ปีซ้อนหรอกเนอะ
( 40 กรัม ราคา 1,000 บาท )

Curel INTENSIVE MOISTURE CARE Intensive Moisture Cream
เป็นครีมที่ช่วยเติมเต็มเซราไมด์ในชั้นผิวและช่วยกระตุ้นเซราไมด์ในชั้นผิวให้ผิวสร้างขึ้นเอง เพื่อผิวที่แข็งแรง
ชุ่มชื้น ไม่แพ้ซ้ำ รวมถึงยังช่วยปกป้องการสูญเสียเซราไมด์ในชั้นผิวจากปัจจัยภายนอกอีกด้วย
เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นสูตรอ่อนโยน
ใครที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น อ๊อฟแนะนำให้ลองครีมตัวนี้
ถือว่าเป็นครีมที่ปลดล็อคผิวแพ้ได้เลย

เนื้อครีมของเค้าเข้มข้นมาก ด้วยส่วนผสมของครีมที่มีความพิเศษ มีเซราไมด์เข้มข้นเป็นส่วนผสมหลัก
จึงทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะผิว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นและไม่มีแอลกอฮอล์
เกลี่ยลงบนผิวง่าย มีทิ้งความหนึบไว้บนผิวเล็กน้อย

ครีมตัวนี้บอกเลยว่าอ่อนโยนมากเพราะทำมาเพื่อคนผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ
นอกจากคนผิวแห้งจะใช้ได้แล้ว คนผิวมันหรือผิวผสมก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ
เพราะไม่ทำให้ผิวของเรามันเพิ่มระหว่างวัน

สำหรับคนที่ผิวแห้งมาก ๆ สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเลยค่ะ
อย่างอ๊อฟผิวแห้งเนี่ยชอบมากกก ใช้ทั้งเช้าและเย็นผิวชุ่มชื้นขึ้นสุดๆ
ไม่แห้งไม่ลอก แต่งหน้าแล้วไม่เป็นคราบไม่เป็นขุย

ส่วนใครที่มีผิวธรรมดาหรือผิวผสม อ๊อฟแนะนำว่าใช้แค่ช่วงกลางคืน
ก็จะช่วยให้ความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เพียงพอแล้วค่ะ

(อ๊อฟถ่ายแสงธรรมชาตินะคะ ดังนั้นสภาพแสงจะแตกต่างกันไปค่ะ)
รูปนี้เป็นสภาพผิวก่อนที่อ๊อฟจะทดลอง Curel INTENSIVE MOISTURE CARE Intensive Moisture Cream นะคะ
จะเห็นว่าปัญหาผิวหลักๆ ของอ๊อฟ คือ ผิวแห้งลอกเป็นขุย
แต่ไม่ได้มีผื่นแดงนะคะ จะคันๆ และรู้สึกตึงๆ บริเวณผิวที่แห้งเล็กน้อยค่ะ

(อ๊อฟถ่ายแสงธรรมชาตินะคะ ดังนั้นสภาพแสงจะแตกต่างกันไปค่ะ)
หลังใช้ Curel INTENSIVE MOISTURE CARE Intensive Moisture Cream
ตื่นเช้ามา แฮปปี้เวอร์ หน้าไม่แห้ง ไม่ลอก ไม่เป็นขุยแล้ว จับผิวไปรู้สึกได้เลยว่า
ยังมีความชุ่มชื้นอยู่บนผิว แต่จะให้ใช้ 1 คืนแล้วสรุปผลเลยอ๊อฟว่ามันยังไม่ได้
เดี๋ยวมาดูผลลัพธ์วันที่ 7 กันเลยค่ะ

(อ๊อฟถ่ายแสงธรรมชาตินะคะ ดังนั้นสภาพแสงจะแตกต่างกันไปค่ะ)
ตอนนี้อ๊อฟก็ลองใช้มาครบ 7 วัน หรือ 1 สัปดาห์แล้วนะคะ ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดตอนตื่นเช้าขึ้นมาคือ
ผิวอ๊อฟไม่ลอกเป็นขุยแล้ว ส่วนตัวอ๊อฟผิวแห้งเลยรู้สึกว่า
มันตอบโจทย์เรื่องความชุ่มชื้นมาก

หลังจากใช้ครบ 14 วัน หรือ 2 อาทิตย์นะคะ ปัญหาผิวแห้งของอ๊อฟไม่กลับมาแล้ว
คือตื่นมาผิวชุ่มชื้นขึ้น ไม่แห้งไม่ลอกเป็นขุยแต่อย่างใด ผิวก็ดูละเอียดขึ้นด้วย

สุดท้ายอ๊อฟเทียบรูปผิวแบบใกล้ๆ ก่อนใช้และหลังใช้ครีมเซราไมด์ปลดล็อคผิวแพ้มาให้ดูตั้งแต่วันแรกและวันที่ 14 สำหรับอ๊อฟ Curel INTENSIVE MOISTURE CARE Intensive Moisture Cream ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวได้ดีมากกกกก ผิวชุ่มชื้นขึ้นมากจริงๆ บริเวณหน้าแก้ม ซอกจมูกที่เคยลอกระหว่างที่ใช้ ไม่มีอาการเหล่านั้นกลับมาอีก

อ๊อฟว่าครีมช่วยลดการระคายเคืองผิวแห้งลอกเป็นขุยได้ดีมาก ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
และช่วยให้อ๊อฟแต่งหน้าได้ติดทนมากขึ้นและรีวิวเครื่องสำอางและครีมต่างๆ ได้ดั่งใจ
แบบไม่ต้องกังวัลเลยค่ะ สำหรับคนที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ Curel บอกเลยว่าเค้าไม่ได้มีตัวนี้ตัวเดียวน้า ยังมีครีมกันแดด โลชั่น ครีมอาบน้ำ แชมพู ที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย สำหรับตัวนี้หาซื้อออนไลน์ได้ที่
https://shopee.co.th/curel_thailand
และดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์คิวเรล
http://bit.ly/2ZnWVBD
หรือเช็คร้านค้าที่จำหน่ายได้ที่เฟสบุ๊ค Curel Thailand ค่ะ

สวัสดีค่า ห่างหายจากการรีวิวไปพักใหญ่ วันนี้อ๊อฟกลับมาแล้ว 
จะบอกว่าอ๊อฟเป็นคนที่ชอบใช้กระดาษเช็ดเครื่องสำอางมากกก เป็นคนไม่ชอบขั้นตอนทำความสะอาดหน้าอะไรเยอะแยะ เลยหันไปดูก็พบว่าตัวเองมีพวกกระดาษหรือทิชชู่เช็ด
คสอ. เยอะมากวันนี้เลยรวบรวมเอามาทำรีวิวให้สาวๆ ได้อ่านกันค่ะ

และนี่ก็เป็นทั้งหมดที่อ๊อฟใช้มาค่ะ ใครมียี่ห้อดีๆ ที่เช็ดแล้วสะอาดๆ 
แวะมารีวิวหรือบอกอ๊อฟหน่อยน้าาา อ๊อฟจะได้ไปซื้อมาลองบ้าง
สำหรับรีวิวหน้าอ๊อฟจะรวบรวมอะไรมารีวิว อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ

การดูแลผิวหน้าไม่ว่าขั้นตอนไหนก็มีความสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการทาสกินแคร์
บำรุงผิว การมาส์กหน้าหรือสครับผิวหน้า หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผิวหน้า
ซึ่งทั้งหมดที่อ๊อฟพูดมาบอกได้เลยว่าสำคัญมาก ละเลยไม่ได้เลย แต่ยังมีอีกขั้นตอน
ที่สำคัญไม่แพ้กันที่อ๊อฟอยากให้ทุกคนหันมาดูแลเอาใจใส่ให้มาก ๆ
นั่นก็คือ “การทำความสะอาดผิวหน้า”

สาวๆ หลายคนอาจมีความเชื่อว่าแค่การล้างหน้าธรรมดา ด้วยโฟมล้างหน้า
ก็สะอาดเพียงพอแล้ว แต่อ๊อฟบอกเลยว่าไม่พอแน่นอนค่ะ ยิ่งสาวๆ ที่แต่งหน้า
ทาครีมกันแดด ลงบีบีครีมหรือรองพื้น ถ้าล้างหน้าเพียงอย่างเดียว
สิวผดสิวอุดตันถามหาแน่ ๆ วันนี้อ๊อฟเลยมีผลิตภัณฑ์ดีๆ
มาแนะนำที่บอกเลยว่าสาวๆ จะต้องหลงรักตัวนี้แน่นอนถ้าได้ลองใช้

DR. WU MILD-O GENTLE CLEANSING MOUSSE เป็นคลีนซิ่งมูสตัวใหม่ล่าสุด
ของ DR. WU ด้วยเทคโนโลยีการทำความสะอาดผิวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกโดยไม่ต้องใช้แรงถูมากเกินไป
ใช้กรดอะมิโนธรรมชาติจากข้าวโอ๊ตเพื่อทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
และมีสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิว
และช่วยลดความตึงบนผิว ช่วยให้ผิวผ่อนคลายอีกด้วย

เนื้อมูสที่เนียนนุ่มเป็นเอกลักษณ์และเป็นมิตรกับผิวช่วยรักษาระดับ pH ที่เหมาะสม
ถ้าพูดถึงเรื่อง ค่า pH สาวๆหลายคนอาจจะงง ว่ามันคืออะไร ทั้งๆ ที่เคยได้เห็นได้ยิน
แต่อาจไม่เคยสนใจอะไร ซึ่งจริงๆแล้วค่า pH เหล่านี้มีประโยชน์ต่อการเลือกใช้
ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ของเราอีกด้วย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังบอกว่าค่าผิวหน้าของคนเราเนี่ยจะเป็นกรดอ่อนๆ
อยู่ที่ประมาณ 4.5 – 6.5 เพื่อช่วยควบคุมสมดุลการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
และป้องกันสิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปในชั้นผิว ดังนั้นการเลือกใช้คลีนซิ่งควรเลือกใช้
ให้ใกล้เคียงกับสภาพผิวหน้าของเราด้วยนะคะ

เพราะถ้าผิวหน้าของเรามีค่า pH น้อยเกินไป (เป็นกรดสูง) ปัญหาที่ตามมาก็คือ
ใบหน้าของเราจะมันเยิ้มมากขึ้น และปัญหาที่ตามมาก็คือ “ปัญหาสิว” นั่นเอง
และถ้าผิวหน้าของเรามีค่า pH มากเกินไป (เป็นด่างสูง) เกราะปกป้องผิวตามธรรมชาติ
ก็จะถูกทำลาย ส่งผลให้สภาพผิวแห้ง หยาบกร้าน มีอาการแพ้และเป็นผื่นได้ง่ายค่ะ

และคลีนซิ่งมูสของ DR.WU ตัวนี้เค้าก็เหมาะกับสภาพผิวของเรามากๆ
นอกจากจะขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างสะอาดหมดจดแล้ว คลีนซิ่งตัวนี้เค้ายังมีค่า pH 5.5
นั่นแสดงว่าคลีนซิ่งของ DR.WU MILD-O GENTLE CLEANSING MOUSSE
เค้ามีความเป็นกรดอ่อนๆ ที่ใกล้เคียงกับผิวหน้าของคนเรา ซึ่งข้อดีของค่า pH 5.5
เค้าจะช่วยป้องกันการทำลายฟิล์มคุ้มครองผิวตามธรรมชาติ
และช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียบนผิวหนัง
คืนสภาพผิวที่สมดุลและสุขภาพดี

ซิ่งคลีนซิ่งตัวนี้เนื้อมูสเค้าเนียนนุ่มมาก เหมาะกับทุกสภาพผิวเลย
ไม่ว่าจะผิวแห้งไปจนผิวแพ้ง่ายเพราะเค้าไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ได้ค่ะ
แต่คนที่ผิวขาดน้ำ ผิวแห้งตึง อ๊อฟแนะนำตัวนี้เลย
นอกจากจะทำความสะอาดผิวได้ดีแล้ว
ยังช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย

หลังจากที่ใช้ DR.WU MILD-O GENTLE CLEANSING MOUSSE ทำความสะอาด
ผิวเป็นประจำ สิ่งที่อ๊อฟสังเกตได้เลยว่า ผิวหน้าของอ๊อฟจากที่แห้งตึงมันดูชุ่มชื้นขึ้น

จากในรูปจะเห็นว่าผิวของอ๊อฟค่อนข้างจะแห้งตึงจนเห็นเป็นเส้นริ้วเล็กๆ
รูขุมขนค่อนข้างกว้าง ระหว่างวันหน้าจะมันช่วงหน้าแก้มและทีโซน
หลังใช้เป็นประจำความมันบนผิวหน้าของอ๊อฟก็เริ่มลดลง
เพราะตัวนี้เค้าช่วยปรับสมดุลของผิว ช่วยให้การเกิดสิวลดน้อยลง
และยังทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น

สำหรับสาวๆ ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ
DR.WU MILD-O GENTLE CLEANSING MOUSSE
ตัวนี้เค้ามีขายเฉพาะที่ Shopee Mall ,LAZADA : DR.WU Thailand เท่านั้น
ถ้านอกเหนือจากนั้นต้องระวังของลอกเลียนแบบด้วยนะคะ

Line@: @drwuthailand Website : www.drwuthailand.com

#Taiwannumber1SkincareBrand #drwu #drwuthailand

สวัสดีค่า วันนี้อ๊อฟรวบรวมเอาเซรั่มทั้งหมด 20 ยี่ห้อ ที่ใช้แล้วผิวใส
หน้าเด็กบอกเลยว่ามีทั้งถูกและดี และแพงแต่คุ้มค่ามาฝากทุกคนกัน
หวังว่าสาวๆ จะชอบกันนะคะ จะมีตัวไหนเด็ดๆ บ้าง ตามไปอ่านกันเลยค่า

และนี่คือสภาพผิวของอ๊อฟเองนะคะ อายุ 33 ขวบแล้ววว แต่โดยรวมผิวยังโอเคอยู่เนอะ

สวัสดีค่า ห่างหายจากการรีวิวจัดเต็มจัดใหญ่มานานพอสมควร

 วันนี้อ๊อฟเลยรวบรวมไอเทมแป้งพัฟที่มีในกรุและคัดมารีวิว

แล้วว่าปกปิด คุมมัน ถูกและดี ในราคาหลักร้อย มารีวิวให้สาวๆ ได้ดู

จะมียี่ห้ออะไรถูกอกถูกใจหรือตรงใจกับสาวๆ บ้างมาดูกันเลยค่า

เป็นยังไงบ้างคะ แป้งที่อ๊อฟรวบรวมมาให้ดู

อ๊อฟเป็นคนผิวสองสีนะคะไม่ถึงกับคล้ำมาก ดังนั้นถ้าใครมองหา

แป้งที่มีสีผิวใกล้เคียงกับอ๊อฟ ลองดูได้เลยค่าแต่แนะนำว่าให้ไป

เลือกไปลองเองจะดีที่สุด หรือถ้าใครมีแป้งตัวไหนใช้ดีๆ

แวะมากระซิบบอกอ๊อฟได้น้าาา มาแชร์กันเยอะๆ จะดีใจมากเลย

สำหรับกระทู้หน้า อ๊อฟจะรวบรวมอะไรมารีวิว 

อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ / ขอบคุณค่าา

ใครปากแห้งแตกลอกเป็นขุย ปากดำคล้ำ วันนี้อ๊อฟมีไอเทมที่จะช่วยให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป จริงๆ อ๊อฟเคยรีวิวไว้แล้วใน My skincare Routine และรวมลิปบาล์มที่ใช้ดี 29 ยี่ห้อ ซึ่งแบรนด์ “บัวรดา” ก็เป็นหนึ่งในนั้น

แบรนด์ “บัวรดา” เป็นแบรนด์คนไทยน้องใหม่ที่เน้นส่วนผสมหลักของไทย แถมยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันออร์แกนิคอีกด้วย จุดเด่นของเค้าคือไม่มีส่วนผสมที่เป็นสารเคมี เช่น พาราเบน และน้ำหอมเลย มาจากธรรมชาติล้วนๆ

เริ่มกันที่ตัวแรก Cocos Charcoal Lip Scrub ตัวนี้เป็นสครับที่แตกต่างยี่ห้ออื่นตรงที่เค้าไม่มีเม็ดสครับเลย เป็นแค่เนื้อเนียนๆ แค่สครับแล้วปากนุ่มเว่อร์ ส่วนผสมหลักคือ น้ำมันมะพร้าวจากประเทศไทยที่ได้รับรองมาตรฐาน USDA Organic และผงชาร์โคล เกรด อาหาร นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ตามมาด้วยส่วนผสมอื่นๆ เช่น Shea buter นำเข้าจากประเทศประเทศฝรั่งเศษ ได้รับการรับรองจาก Ecocert และ Beeswax จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ Halal รวมไปถึงวิตามิน E ธรรมชาติ 

จุดเด่นของสครับตัวนี้คือผงสครับละเอียดม๊ากกก ไม่บาดปากเลย สามารถสครับได้ทุกวัน

สครับแล้วช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ปากแห้งๆ ลอกๆ หลุดออก ทำให้ปากกลับมาเนียนเรียบ

อีกตัวเป็นลิปบาล์ม Cocos Coconut Lip Balm มีส่วนผสมหลักคือ น้ำมันมะพร้าวจากประเทศไทยที่ได้รับรองมาตรฐาน USDA Organic และส่วนผสมอื่นๆ เช่น Shea buter นำเข้าจากประเทศประเทศฝรั่งเศษ ได้รับการรับรองจาก Ecocert และ Beeswax จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ Halal รวมไปถึงวิตามิน E ธรรมชาติ 

ตัวนี้อ๊อฟเคยใช้ที่เป็นตลับวงกลม พอทำออกมาเป็นแท่งคือดีงามมาก พกพาสะดวกสบาย หยิบทาแล้วไม่เปื้อนมือ ถ้าใครชอบผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติชอบน้ำมันมะพร้าว ชอบกลิ่นมะพร้าวจะปลื้มมาก เพราะกลิ่นมันหอมหวานเหมือนขนมไทย แถมยังบำรุงริมฝีปากได้ดีอีกด้วย ทาแล้วปากไม่กลับมาแห้งเลย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเพจ “บัวรดา” click
https://www.facebook.com/buaradaofficial

สวัสดีค่า…หลังจากปีที่แล้ว อ๊อฟได้ทำรีวิวสกินแคร์
สำหรับปี 2018 ไป ซึ่งกระแสและผลตอบรับดีมากกก
วันนี้อ๊อฟเลยได้โอกาสทำรีวิวสกินแคร์ปี 2019 ที่อ๊อฟใช้อยู่
ตั้งแต่ต้นปี มารีวิวให้สาวๆ ได้ดูกันค่ะ

อ๊อฟเป็นคนผิวผสมค่ะ จะมีแห้งและลอกตรงจมูกบ้างถ้าอากาศหนาวๆ
ส่วนผิวกายนี่แห้งมากกก บางครั้งแตกเป็นเกล็ดเลย ใบหน้ามีกระนิดหน่อยค่ะ

ซึ่งขั้นตอนการทาครีมของอ๊อฟก็จะประมาณนี้ค่ะ ถามว่าต้องใช้ครบทุกตัวมั้ย
ตอบเลยว่าไม่จำเป็นค่ะ อยากให้ดูสภาพผิวของเราเป็นหลักว่ามีปัญหาอะไร กังวลสิ่งไหนเป็นพิเศษ อยากดูแลบำรุงเรื่องไหน ซึ่งสกินแคร์ที่อ๊อฟมารีวิวบางคนอาจจะใช้แล้วเห็นผลดี บางคนอาจจะใช้แล้วแพ้ก็เป็นไปได้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทดลองแล้วเลือกให้เหมาะสมกับเรานะคะ อย่างอ๊อฟเคยลองตามรีวิวได้ผลดีก็มี แพ้ก็มีค่ะ ต้องค่อยๆ เลือกและลองไป เดี๋ยวเรามาดูกันเลยว่าสกินแคร์ทั้งหมดทั้งมวลที่อ๊อฟใช้อยู่มีอะไรกันบ้าง


เป็นยังไงกันบ้างคะ สกินแคร์ที่อ๊อฟใช้ สำหรับใครที่มีสภาพผิวหน้าคล้ายๆ
อ๊อฟลองไปหามาใช้ดูน้าาา ตัวไหนดีไม่ดียังไงอย่าลืมมาแชร์ในคอมเม้นท์นะคะ
สำหรับวันนี้ต้องขอตัวไปเขียนรีวิวต่อ บ๊าย บายค่า

สวัสดีค่า วันนี้อ๊อฟจะมารีวิวแปรงสีฟัน Colgate SlimSoft Deep Clean 
ซึ่งจริงๆ ก็เป็นแปรงสีฟันที่อ๊อฟใช้อยู่แล้วเป็นประจำ ไม่ค่อยอยากจะอวดเลย…อายยแต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเนอะ ขออนุญาติอวดแปรงสีฟันที่อ๊อฟใช้เป็นประจำหน่อย

อย่างที่บอกว่าแปรงสีฟันที่อ๊อฟใช้เป็นประจำนั่นก็คือ “Colgate SlimSoft Deep Clean “
สีที่ใช้อยู่ก็จะเป็นสีดำเหมาะกับสาวลึกลับๆ น่าค้นหาแบบอ๊อฟนี่แหละ 555

เห็นสภาพอย่างนี้อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะอ๊อฟใช้จริงอะไรจริงมาหลายด้ามแล้ว
เลยจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ดูว่าแปรงสีฟันคอลเกตรุ่นนี้ใช้แล้วมันดี มันพิเศษยังไง

และที่เห็นอยู่ก็คือ ” Colgate SlimSoft Deep Clean ” แปรงสีฟันสำหรับผู้ใหญ่ที่มีหัวแปรงเล็กและมีความนุ่มเป็นพิเศษ หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าการเลือกแปรงสีฟัน
ที่ขนนุ่มมันดียังไง แปรงสีฟันที่ขนนุ่มหรือนุ่มเป็นพิเศษจะสามารถทำความสะอาดฟันได้ดี
ไม่เสี่ยงต่อการทำให้ฟันสึกซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียวฟัน
ซึ่งเรื่องนี้ทางกรมอนามัยเค้าแนะนำมาเลยเชียวนะ

ซึ่งแพคเกจจิ้งของทางคอลเกตก็ออกแบบมาให้ดูสีสันสดใสน่าใช้มาก 
รายละเอียดทุกอย่างบอกครบหมด ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่าย

คอลเกต แปรงสีฟัน สลิมซอฟท์ ดีพคลีน อัลตร้าซอฟท์ ราคาเพียงแค่ 59 บาท 

มากันที่ด้ามแปรงกันบ้าง ดีไซน์ออกมามีความแข็งแรง
จับถนัดมือแถมยังมีรูปร่างที่รับกับนิ้วมืออีกด้วย

แปรงสีฟันมีปุมกันลื่นหลายจุดมาก อย่างเช่นด้านหลังที่ทำออกมา
ให้รับกับนิ้วมือได้พอดี ด้านหน้า ด้านบนและด้านท้ายของด้ามแปรง
เรียกได้ว่ากระชับแน่นหนาแปรงฟันแล้วไม่มีหลุดมือแน่นอน

ขอบอกว่าแปรงสีฟัน Colgate SlimSoft Deep Clean เค้ามีความหยืดยุ่น
แม้กระทั่งด้ามแปรงรวมไปถึงขนแปรงเลยแหละ เดี๋ยวอ๊อฟจะมารีวิวให้ดูว่า
ขนแปรงเค้ามีความนุ่ม ความยืดหยุ่นขนาดไหน

มาดูกันที่ขนแปรงกันบ้าง ขนแปรงปลายเรียว <0.01มม.* พัฒนาพิเศษ
เพื่อช่วยทำความสะอาดเศษอาหาร และคราบพลัค บริเวณร่องเหงือก
และซอกฟัน เมื่อเปรียบเทียบกับขนแปรงปลายมนทั่วๆ ไป

ยิ่งขนแปรงปลายเรียวเล็กยิ่งขึ้นมากเท่าไหร่ก็สามารถทำความสะอาดซอกฟันได้ดี
และลึกมากขึ้นที่สำคัญไปกว่านั้นแปรงฟันเพียงแค่ครั้งเดียวสามารถขจัดคราบพลัค
ได้ถึง 88%** ในบริเวณที่มีคราบพลัคหนาแน่นและเมื่อแปรงฟันต่อครั้งนาน 2 นาที

บางคนอาจไม่รู้ว่าขนแปรงเล็กขนาดไหนจะบอกว่ามันเล็กมากจริงๆ  
เส้นผ่านศูนย์กลางของปลายขนแปรงเล็กกว่า 0.01 มม. เลยทีเดียว…เป็นไงล่ะ
เล็กอย่างที่บอกมั้ย คราวนี้มาดูกันที่ความนุ่มของขนแปรงกันบ้าง จะบอกว่าขนแปรงนุ่ม
และยืดหยุ่นมว๊ากกกกก นุ่มกว่ารุ่นก่อนๆ ของคอลเกตที่เคยใช้มาหลายรุ่นอีกนะ
ใครยังไม่เคยลองอยากให้ลองจริงๆ

คราวนี้มาทดสอบกับมะเขือเทศดูบ้าง แค่ใช้แปรงสีฟันนวดๆ ถูๆ วนๆ
ลงบนมะเขือเทศ ถูไปถูมาหลายครั้งมาก

มะเขือเทศยังไม่มีรอยช้ำเลย เห็นมั้ยว่าขนแปรงของ Colgate SlimSoft Deep Clean
เค้านุ่มไม่บาดผิวหรือบาดเหงือกจริงๆ 

เมื่อลองนำมาแปรงฟันแบบไม่มียาสีฟันให้ดูจะเห็นว่าข้อดีที่ขนแปรงปลายเรียว 0.01 มม* ทำให้เข้าถึงซอกฟันได้ดีมาก ด้านในของฟันกรามที่ทำความสะอาดลำบาก แปรงสีฟัน Colgate SlimSoft Deep Clean ก็สามารถเข้าไปทำความสะอาดเศษอาหารและคราบพลัคได้ดีเรียกได้ว่าเข้าไปลึกถึงทุกซอกทุกมุมของบริเวณร่องเหงือกและซอกฟันเลยแหละ 

สะอาดขนาดไหนจะเห็นได้ว่าไม่มีคราบเศษอาหารตกข้างหรือติดตามซอกฟันเลย
บางคนอาจสงสัยว่า คราบพลัคคืออะไร คราบพลัค คือ แผ่นคราบจุลินทรีย์ที่เกิดจากแบคทีเรียและน้ำตาลซึ่งมีลักษณะเหมือนแผ่นฟิล์มเหนียวไร้สีที่ค่อยๆ เกาะรวมตัวกันบนผิวฟัน เป็นสาเหตุหลักของการเกิดฟันผุและโรคเหงือก ซึ่งหากไม่ได้ทำความสะอาดออกทุกวันอย่างถูกวิธี คราบพลัคนี้ก็จะแข็งตัวขึ้น จนกลายเป็นหินปูนได้ เห็นอย่างนี้แล้วการเลือกซื้อแปรงสีฟันที่ขนแปรงปลายเรียวเล็กและนุ่มเป็นพิเศษจริงสำคัญมากๆ เลย

สุดท้ายนี้อยากจะรีวิวความประทับใจทั้งหมดทั้งมวลว่า “คอลเกต สลิมซอฟท์ ดีพคลีน
ขนแปรงนุ่มมากจริง ปลายเรียวเล็กมากจริง ทำความสะอาดได้ดีมากจริงๆ

เอาเป็นว่า อ๊อฟลองแล้ว อ๊อฟลองแล้ว ใครๆ ก็ลองแล้ว แล้วคุณล่ะ…ลองหรือยัง
สุดท้าย ท้ายสุด อยากจะร้องเป็นเพลงพี่ติ๊กว่า ร๊ากกกก….ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
จริงๆ มันไม่ใช่นะคะ ต้องร้องว่า ร๊ากกกก….ต้องยอมเปลี่ยนแปรง(สีฟัน)
อย่าลืมเปลี่ยนแปรงทุกๆ  3 เดือน และควรพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนด้วยรักนะคะ


ถ้าพูดถึงคำว่า ” ผิวสวย ”  หลายคนอาจจะคิดว่าผิวสวย = ผิวขาว เท่านั้น ซึ่งอ๊อฟอยากจะบอกว่ามันไม่จริงเลย
ผิวสวย คือ ” ผิวที่มีสุขภาพดี ” เพราะต่อให้มีผิวขาวตามค่านิยมก็จริงแต่ถ้าผิวสุขภาพไม่ดี หมองคล้ำ แห้งกร้าน
กระดำกระด่าง จับไปแล้วไม่เนียนนุ่มชุ่มชื่น แบบนั้นก็คงจะไม่ดีว่ามั้ยคะ ? ซึ่งตอนนี้เทรนด์ผิวสุขภาพดีไม่ว่าจะ
เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นที่นิยมกันมากขึ้น

แต่เอ๊ะ…สาวๆ คงอยากรู้ว่าผิวเราสุขภาพดีหรือไม่ ? ไม่ยากเลยค่ะ วิธีเช็คสุขภาพผิวนั้นทุกคนสามารถทำตามได้
ซึ่งสามารถดูได้ด้วยตาเปล่าว่าผิวของเรานั้นมีสีผิวที่สม่ำเสมอมั้ย ถ้าตาดูแล้วยังไม่ชัดก็ต้องลองสัมผัสหรือจับผิวดูว่า
เนียนนุ่มชุ่มชื่นรึเปล่า แต่ถ้าอยากรู้ชัดๆ ให้ลองเอาเล็บขีดที่ผิวเบาๆ ดู ถ้าไม่เห็นรอยขีดขึ้นเป็นสีขาวๆ แสดงว่าผิวของเรา
มีความยืดหยุ่นและมีความชุ่มชื้นอยู่ค่ะ และการที่เราจะดูแลผิวนั้น บางคนคิดว่าต้องใช้ของแพงๆ หรือเปล่า
ต้องเป็นของจากธรรมชาติมั้ยจริงๆ แล้ว วิธีการดูแลผิวของเรามีมากมายหลายวิธี อย่างเช่น การมาส์กหน้า
จากอโวคาโด หรือว่านห่างจระเข้ก็สามารถทำให้ผิวเราเนียนนุ่มชุ่มชื่นได้ แต่บางคนไม่มีเวลาล่ะ จะเริ่มยังไง
ไม่ต้องห่วงค่ะ เริ่มง่ายๆ ที่ ” สบู่ ” ขั้นตอนง่ายๆ อาบน้ำล้างหน้านี่แหละ

ใช่ค่ะ การมีผิวสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องยาก แค่รู้จักดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยก็สามารถมีผิวที่สุขภาพดีได้แล้ว
ยิ่งสมัยนี้มีผลิตภัณฑ์มากมายตามท้องตลาดออกมาเป็นตัวเลือกให้กับสาวๆ ซึ่งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ
อย่าง Dettol Aura สบู่เดทตอล ออร่า อโลเวร่า และ อโวคาโด ออยล์ สบู่ที่ช่วยปกป้องผิว ทำความสะอาดสิ่งสกปรก 
และช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ผสานคุณค่าสารสกัดจากธรรมชาติว่านห่างจระเข้และอโวคาโด ช่วยถนอมผิว
และบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม พร้อมมอยร์เจอร์ไรเซอร์ ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน ให้ผิวดูกระจ่างใสสุขภาพดี
มีออร่า เมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว จะผิวขาว ผิวสีแทน ก็ใช้ได้หมด

มาดูกันที่หน้าตาของแพคเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์กันบ้าง สบู่ถูกแพคและบรรจุมาในกล่องอย่างดี เอาจริงนะ
เห็นแล้วก็อยากใช้เลย พรีเซนเตอร์นี่ก็มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อมากนะ ก็อยากสวยเหมือนปูไปรยาอะ 55

รายละเอียดและส่วนผสมต่างๆ ก็อยู่ด้านหลังกล่อง ซึ่งสูตรนี้มีส่วนผสมอย่างอะโวคาโด
และอโลเวร่าซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น

สบู่เป็นก้อนสีเขียวเรียบๆ ก้อนค่อนข้างใหญ่ แถมยังเป็นก้อนสี่เหลี่ยมจับได้พอดีมือเลยส่วนกลิ่นไม่ได้หอม
เหมือนสบู่ทั่วไปตามท้องตลาดที่ใส่น้ำหอมมา กลิ่นจะออกเป็นแนวสบู่ที่ให้ความรู้สึกเฟรชๆ สดชื่นๆ มากกว่า

เห็นมั้ย ก้อนใหญ่สะใจมาก ขนาด 125 กรัม ราคาเพียงแค่ 48 บาท แต่ใช้ได้นานเป็นเดือนเลย คุ้มอะไรขนาดนี้

ถ้าใครชอบอาบน้ำแบบฟองเยอะๆ ใช้แค่ตาข่ายถูตัว ถูๆ กับสบู่ แปปเดียวฟองก็แน่นแล้ว เวลาอาบก็จะฟิน

แถมฟองที่ได้ออกมาเนียนนุ่มพอๆ กับวิปโฟมเลย ไม่ได้โม้นะ ไม่เชื่อไปลองทำตามดูได้เลย

สบู่เดทตอล ออร่า อโลเวร่า และ อโวคาโด ออยล์ สามารถใช้ได้ทั้งหน้าและตัวนะจ๊ะไม่ต้องกลัวว่า
จะเอามาล้างหน้าแล้วผิวหน้าจะแห้ง ไม่แห้งแน่นอนจ้า เพราะสูตรนี้เค้าเน้นเรื่องช่วยการบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น ดูมีออร่า

นวดๆ วนๆ ล้างๆ แปปเดียวผิวหน้าก็สะอาดแล้ว สาวๆ คนไหนที่แต่งหน้าจัดๆ ใช้พวกคสอ. กันน้ำแนะนำว่า
ควรเช็ดด้วยเมคอัพรีมูฟเวอร์ก่อน หลังจากนั้นค่อยใช้สบู่ล้างหน้าทำความสะอาดต่อได้เลยแต่เอาจริงๆ
ใช้สบู่เดทตอลก้อนเดียวล้าง คสอ. ก็หลุดออกหมดแล้ว

ล้างเสร็จผิวเนียนนุ่มขึ้นทันที ลูบไปไม่มีดังเอี๊ยดนะจ๊ะ สามารถลงสกินแคร์บำรุงผิว แต่งหน้าต่อได้เลย

อะๆ ไม่เชื่อ ลองดูใกล้ๆ สิ ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใสเลยเมื่อใช้อย่างเป็นประจำและใช้อย่างต่อเนื่อง

หลังจากล้างหน้าแล้วก็มาอาบน้ำต่อ ก้อนเดียวจบ ไม่ต้องใช้อะไรให้วุ่นวายๆ ถ้าถามว่าสบู่ก้อนเดียวพอจริงหรอ
สำหรับอ๊อฟพอนะ เพราะอ๊อฟไม่ได้ชอบใช้อะไรเยอะในขั้นตอนการอาบน้ำ จะไปเน้นหนักที่พวกสกินแคร์มากกว่า

มาดูกันที่สีผิวกันบ้าง อ๊อฟเป็นคนผิวสองสีและเป็นคนผิวแห้ง ผิวค่อนข้างหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
ถ้าดูไกลๆ อาจจะไม่เห็นว่าผิวแห้ง ถ้าลองมาลูบดูจะรู้เลยว่าผิวจะแห้งๆ สากๆ ( ยื่นแขนให้ลูบรัวๆ )

หลังใช้สบู่เดทตอลออร่า ผิวไบรท์ขึ้นทันทีเลยนะ คือมันไม่ได้ใช้แล้วขาวแบบเป็นคนผิวขาว ขาวโอโม่นะ
ผิวมันดูกระจ่างใสขึ้นมากกว่า ยิ่งหลังอาบน้ำใหม่ๆ นะ ผิวดูไบรท์ขึ้นเลย เดี๋ยวจะเทียบให้ดูข้างที่ใช้กับไม่ได้ใช้

เห็นมั้ยข้างที่ใช้กับไม่ได้ใช้แตกต่างกันเห็นๆ ข้างที่ใช้สบู่ Dettol Aura ผิวดูมีออร่าขึ้นกว่าข้างที่ไม่ได้ใช้จริงๆ

คราวนี้มาซูมดูแบบชัดๆ ให้เห็นถึงความแตกต่างก่อนใช้และหลังใช้กันบ้าง จะเห็นว่าก่อนใช้ผิวแห้งกร้าน
สีผิวหมองคล้ำหลังใช้ครบ 1 เดือน บอกเลยว่าผิวเรียบเนียนขึ้น ใสขึ้น แล้วก็ชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย
ใช้จนหมดก้อนขึ้นก้อนที่สองแล้วเนี่ย!!

เอียงคอ มองกล้อง จือปากตามปู ไปรยา แปป นี่ไม่ใช่ปู ไปรยา แต่คือ อ๊อฟ วนิดา ขอสรุปทั้งหมดเลยละกันเนอะ
สบู่เดทตอล ออร่า อโลเวร่า และ อโวคาโด ออยล์ ใช้แล้วผิวกระจ่างใสดูมีออร่าขึ้นจริง แถมยังช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม
ชุ่มชื่นได้ดีอีกด้วย ในราคาก้อนละ 48 บาท ถือว่าคุ้มมว๊ากกกกกกกกดีกว่าที่คิดไว้มากเลย ลืมภาพสบู่ที่ใช้แล้ว
ผิวแห้งตึงลูบผิวดังเอี๊ยดไปได้เลย เดินเข้า 7/11 โลตัส บิ๊กซี วัตสันแถวบ้านแล้วซื้อมาลองใช้เถอะ ไม่ผิดหวังแน่นอน