Travel

รีวิว ไปกางเต้นท์นอนดูดาวที่ ” เชียงรายกันเถอะ ” (ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาวและผาตั้ง)

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr

สวัสดีค่ะ ขอเริ่มภาพเปิดมาที่ดอกพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทย เลยละกัน ทริปนี้เป็นทริปที่วางแผนกันข้ามปี เนื่องจากซื้อเต้นท์มาใหม่เลยอยากไปลองของกัน คิดไปคิดมาถ้าจะกางเต้นท์ต้องวิวดีๆ หน่อย นอนมองดูดาว อากาศเย็นๆ เราเลยเลือกที่จะไปเชียงรายกันนั่นเอง

ด้วยความที่เราไปช่วงมกราก็ยังถือว่าโชคดีมากที่จะได้เห็นดอกพญาเสือโคร่งบาน เพราะเค้าจะบานถึงประมาณช่วง
 
เดือนกุมภาหลังจากที่ลงจากเครื่องบินก็ทำการเช่ารถ ทริปนี้เราจะเน้นอยู่กับธรรมชาติล้วนๆ จะไม่เข้าเมือง
 
ไปให้วุ่นวายจะใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด

ที่แรกที่เราจะไปคือ ภูชี้ดาว เป็นจุดที่ชมทะเลหมอกได้สวยที่สุดอีกที่ไม่แพ้ภูชี้ฟ้าเช่นกัน
 
แต่ที่อ๊อฟไปมันช่วงเวลาเที่ยงกว่าๆ 

เรียกว่าไปเซอร์เวย์ชมบรรยากาศกันก่อน แต่ถึงจะอากาศเย็นแดดที่นี่ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
 
จะได้ภาพสวยต้องอดทนเนอะ ถ่ายวนไปค่ะจะขึ้นมาภูชี้ดาวนี่ไม่สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นมาได้ต้องรถ 4×4 เท่านั้น
 
แล้วที่นี่ก็มีรถให้บริการขึ้นมาด้วยค่ะ ไม่แน่ใจว่าจ่ายไปเท่าไหร่น่าจะคนละร้อยกว่าบาทได้ ขึ้นไปต้องผ่านหมู่บ้าน
 
ทางค่อนข้างแคบและชันแถมข้างบนยังไม่มีไฟฟ้า ที่พักและร้านอาหารดังนั้นถ้าจะขึ้นไปควรจะเตรียมน้ำพกไปดื่ม
 
ระหว่างทางด้วย เพราะเราต้องเดินกันไกลพอสมควรเลยทีเดียวอีกอย่างจะเดินตรงนี้ต้องระมัดระวังด้วยนะคะ
 
ซ้ายก็เหวขวาก็เหวเดี๋ยวจะพลัดตกลงไป

ขึ้นมาด้านบนแล้ว อากาศดีมาก ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีหมอก ดูนี่จิมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าเลย เราจะไปนอนกันตรงโน้น

จัดแจงกางเต้นท์ให้เรียบร้อย วันที่ไปเป็นวันธรรมดาดังนั้นคนที่จะมากางเต้นท์ก็ไม่มากเท่าไหร่ เรียกได้ว่าส่วนตัว
 
สุดๆอากาศมันหนาวมากจริงๆ เลยต้องเช่าเตาไฟซื้อข้าวโพดปิ้งมาประทังความหนาว ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งดึกก็ยิ่ง
 
หนาวเช่นกันแต่จะบอกว่ามันโคตรคุ้มเลยบรรยากาศหลักแสนมาก ดาวเป็นดวงๆ ได้นอนมองดาวแค่นี้ก็สุขใจแล้ว
 
วันนี้ต้องรีบข่มตานอนก่อนเพราะอากาศมันหนาวมาก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

เราตื่นกันแต่เช้าน่าจะประมาณตีสี่ตีห้าได้เพื่อจะเดินขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศหนาวและคนก็ขึ้นมาค่อนข้าง
 
เยอะเหมือนกันต่างคนต่างจับจองที่จะถ่ายรูป บางครั้งมองผ่านกล้องมันก็ลดทอนความสวยงามของภาพ
 
ที่เห็นด้วยตาตัวเองเหมือนกัน
ภาพสวยก็ให้เป็นหน้าที่ของช่างภาพส่วนตัวไป ส่วนเราก็บันทึกความทรงจำ
 
และดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงนั้นให้ได้มากที่สุด

สเน่ห์ของที่นี่อีกอย่างคือเราจะเห็นเด็กดอยตัวเล็กแก้มแดงๆ ยืนอยู่ข้างทางส่งเสียงร้องเพลงเจื้อยแจ้ว
 
หลังจากที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้ว ด้วยความง่วงก็เดินลงมาเพื่อที่จะนอนต่อ บอกแล้วเราไม่รีบเราจะพัก
 
ผ่อนแบบสุดๆ สายๆ ค่อยออกเดินทางไปผาตั้ง เราจะเปลี่ยนที่นอนกันอีกแล้ว โปรดติดตามด้วยใจอันระทึก

มาต่อกันที่ผาตั้งที่นี่เค้ามีจุดชมวิวกันหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นเนิน 102 กับเนิน 103
 
จุดชมวิวผาบ่อง จุดชมวิวช่องผาขาด ศาลาเก๋งจีน 
เอาเป็นว่าถ้าได้มาแล้วก็เดินให้ครบละกันจะได้ไม่เสียเที่ยวขึ้นๆ ลงๆ เดินไปเดินมาหลายรอบ
 
ว่าแต่ว่าแค่เดินรอบเดียวก็แย่แล้ว

มาถึงดอยผาตั้งแล้ว ไม่ถ่ายรูปถือว่าผิด จริงๆ ก็ไม่ผิดหรอกเนอะ แต่ก็ถ่ายสักหน่อยเค้าจะได้รู้ว่ามาถึงแล้ว
 
ก็บอกแล้วในส่วนของภาพสวยๆ ให้เป็นหน้าที่ของช่างภาพไป บีบๆ นวดๆ พี่เค้าเดี่ยวก็ใจอ่อน (รักนะจึงหยอกเล่น)

อย่างที่บอกว่ามีจุดชมวิวหลายจุด แต่ละที่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปเล่นกันเพลินๆ
 
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จเดี๋ยวเราจะไปกางเต้นท์กัน

ตั้งแต่มาทริปนี้ยังไม่เสียตังค่าที่พักซักกะบาท คุ้มจริงๆ จะเรียกว่าประหยัดก็ไม่ใช่เพราะเราเอาเงิน
 
ไปจ่ายค่าตั๋วกับเช่ารถหมดแล้ว ฮ่าฮ่า

นอกจากเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เรายังได้ดูพระอาทิตย์ตกอีกด้วย แนะนำให้จับมือคนข้างๆ มาด้วยกัน
เพราะบรรยากาศมันโรแมนติกมาก สายลม แสงแดดและเกลียวคลื่น เอ้ยไม่ใช่ ลมหนาวๆ กับกอดอุ่นๆ ถึงจะถูก

แน่นอนว่าหนาวขนาดนี้ต้องก่อกองไฟเช่นเคย มันหนาวจนไม่รู้จะพูดยังไง หนาวขนาดที่ต้องพกผ้านวมผืนใหญ่

มาเลยมีผ้านวมผืนใหญ่แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น จิบเบียร์เย็นๆ ก็ช่วยทำให้ร่างกายอุ่นเหมือนกัน

เค้าบอกมาไม่รู้เค้าไหน แต่อ๊อฟก็ยังหนาวเหมือนเดิมแน่นอนว่าน้ำเนิ้มต้องไม่ได้อาบทิชชู่เปียกเท่านั้น

หนาวขนาดนี้จะบ้าหรอ จะให้อาบน้ำยังไง เช็ดตัวแล้วไปนอนซะ เนื่องจากมันเป็นที่โล่ง กลางคืนลมจึงแรงมาก

เช่นกัน แรงจนเต้นท์สั่นเลยทีเดียว แต่ก็ผ่านไปด้วยดีสำหรับการนอนเต้นท์ของเรา

จะดีแค่ไหนที่ตื่นมาเจอฟ้าสวยๆ อากาศเย็นๆ แบบนี้ ใครที่ยังลังเลว่าจะมากางเต้นท์ดีมั้ย ขอร้องหละมาเถอะ
 
รับรองว่าฟิน บรรยากาศดี วิวดี ทุกอย่างมันดีไปหมด เก็บเงินแล้วจองตั๋วซะ ถ้าจะเที่ยวเหนือสักครั้ง
 
ก็เชียงรายนี่แหละ ที่ ” ต้องมา”

Comments are closed.